
การรดน้ำนั้นมีวีธีรดอยู่ 2 รูปแบบ คือ รดจากปากกระถาง เหมือนการรดน้ำต้นไม้ทั่วๆ ไป และ การให้น้ำจากก้นกระถาง โดยการนำกระถางไปแช่ในกะละมังให้น้ำไหลย้อนไปจากรูก้นกระถาง
ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความสะดวกของแต่ละบุคคล เพราะในการให้จากก้นกระถางอาจจะไม่เหมาะกับไม้ในปริมาณมากๆ ข้อดีของการให้น้ำจากก้นกระถาง คือในกรณีที่ต้องการรักษาแผลจากต้น แผลปริแตก หรือแผลจากการปาดยอด หรือบางต้นที่ต้องการรักษาแป้งนวลที่ผิวไม่ให้หลุด ซึ่งไม่ต้องการให้ต้นโดนน้ำโดยตรง
มีหลายคนบอกว่า กะปริมาณน้ำไม่ถูก ซึ่งความจริงแล้วไม่ต้องกะปริมาณ เพียงแค่รดให้น้ำไหลออกมาจากรูก้นกระถางก็เป็นอันใช้ได้ และอีกหนึ่งความเข้าใจผิดๆ ที่ว่าอย่าให้น้ำเยอะเดี๋ยวตาย ใช้เป็นการสเปรย์น้ำแทน ซึ่งการเสปรย์นั้น ไม่อาจส่งน้ำไปถึงรากได้ ต้นไม้มีระบบดูดซับที่อยู่ที่ราก ปริมาณน้ำที่ได้นั้นอาจจะไม่เพียงพอกับความต้องการ อาจทำให้รากแห้งและตาย ทำให้ต้นไม้ยุบตัว โคนยุบ และไม่เจริญเติบโต
เราควร นับวันการรดน้ำ แคคตัส (กระบองเพชร) ไม้อวบน้ำ อย่างไร??
ในการให้น้ำนั้นไม่มีสูตรตายตัว ดูตามความเหมาะสมของขนาดต้น กระถาง และแวดล้อมของที่วางต้นไม้ เพราะสถานที่ในการปลูกของแต่ละบุคคลมีความแตกต่างกัน มีตั้งแต่ โรงเรือน , วางไว้ตามชายคาบ้าน โดนแดด 3-5 ชั่วโมง หรือ แดด 100 % ฝน 100 % และอีกปัจจัยคือ ในแต่ละฤดูกาลนั้น การระเหยของน้ำหรือความชื้นแวดล้อมนั้นก็แตกต่างกัน
ดังนั้นการรดน้ำนั้น ขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อม และฤดูกาล แต่ถ้าให้ลองสังเกตดูจากสถานที่วางต้นไม้ จะดีกว่า ว่ามีความชื้นมากน้อยขนาดไหน
วิธีเช็คง่ายๆ สามารถทำได้ 3 วิธี
1. นำไม้จิ้มฟัน จิ้มลงไปในดิน ก่อนที่จะรดน้ำ หากมีดินที่ชื้นติดขึ้นมานั้น แสดงว่า ดินยังมีความชื้นอยู่สูง
2. ยกน้ำหนักของกระถาง เทียบกันระหว่าง ก่อน และหลังจากรดน้ำ เพื่อจำน้ำหนัก ถ้ายกแล้วเบากว่าเดิมมาก แสดงว่าดินแห้งแล้ว
3. ใช้หินโรย เป็น ดินญี่ปุ่นอคาดามะ ซึ่งสีของดินจะเปลี่ยนเป็นเข้มเมื่อมีความชื้นเยอะ ทำให้สังเกตได้ง่าย ว่าสีอ่อน คือ ดินแห้ง
หลังจากนั้นก็ลองนับระยะดูว่า สถานที่ตรงที่เราปลูก ดินแห้งเร็วขนาดไหน เพียงเท่านี้เราก็สามารถกะวันรดน้ำได้คราวๆ