
ในการผสมดินปลูกพืช หรือต้นไม้ เป็นการนำอนินทรีย์วัตถุ และอินทรีย์วัตถุต่างๆ มาผสมกัน เพื่อให้เป็นธาตุอาหารแก่พืช ใช้ในการเจริญเติบโด โดยมีจุลินทรีย์ต่างๆ เกิดกิจกรรม การย่อย และปลดปล่อยธาตุอาหารออกมาในดิน ซึ่งในระหว่างที่จุลินทรีย์เจอกับอาหาร และมีกระบวนการย่อยสลายนั้น จะทำให้เกิดก๊าซ และความร้อน รวมทั้งในจุลินทรีย์บางชนิด ต้องใช้ก๊าซในการดำรงชีวิต และย่อย เช่น ก๊าซออกซิเจน และไนโตรเจน
นั่นจึงเป็นสาเหตุ ที่เราควรจะต้องพักดินก่อนนำไปปลูก เพื่อป้องกันไม่ให้ในระหว่างการย่อยสลายของจุลินทรีย์ที่ยังไม่สมบูรณ์นั้น ทำให้เกิดสภาวะความร้อนในดินสูง จนทำให้รากไหม้ และโดนจุลินทรีย์แย่งอ๊อกซิเจน และไนโตรเจนในดิน ซึ่งกระบวนการย่อยสลายนั้น ใช้ระยะเวลาแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับวัสดุปลูกที่เลือกนำมาใช้เป็นส่วนผสม
หากเป็นพืชสด หรือซากพืช มูลสัตว์ ที่ยังมีการย่อยสลายไม่สมบูรณ์ จะต้องใช้ระยะเวลานาน กว่าจุลินทรีย์จะทำการย่อยสลายเสร็จสมบูรณ์ จนดินเย็นตัวพร้อมใช้งาน
ฉะนั้นหากต้องการลดระยะเวลาการหมักดินก็ควรเลือกปุ๋ยคอก หรือปุ๋ยหมักที่ผ่านการย่อยสลายมาแล้ว เช่น มูลไส้เดือน ที่ได้จากการย่อยสลายมูลวัว และพักไว้จนคลายความร้อนแล้ว มูลค้างคาวเก่า ที่ผ่านการตกผลึกย่อยสลายทิ้งไว้จนก๊าซในมูลได้สลายตัวแล้ว หรือปุ๋ยหมักที่ผ่านการหมักจนเย็นตัว จะช่วยลดระยะเวลาการหมักบ่มดิน
ซึ่งระยะเวลาการพักหรือหมักบ่มดิน ที่มีส่วนผสมของอินทรีย์วัตถุที่ย่อยสลายตัวดีแล้ว จะใช้ระยะเวลา 7-15 วัน อย่างต่ำ แต่ถ้าหากเป็น ปุ๋ยพืชสด หรือใบไม้พุที่ยังย่อยสลายไม่ดี จะใช้ระยะเวลาประมาณ 2-6 เดือน ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศ และปริมาณจุลิทรีย์ที่มีอยู่ในดิน
และที่สำคัญ ในการหมักบ่มดิน นั้นควรจะต้องรักษาอุณหภูมิ และความชื้นให้เหมาะสม ในช่วงระยะแรกที่เป็นการหมักบ่มแบบปิด ควรให้ดินมีความชื้นสูง แต่ต้องไม่เปียกแฉะหรือประมาณ 60% เพื่อกระตุ้นการขยายตัวของจุลินทรีย์ ซึ่งในช่วงนี้อุณหภูมิในดินจะสูงสุด เมื่อผ่านช่วงแรกที่กระตุ้นการขยายเชื้อแล้ว ให้หมักบ่ม แบบเปิด เพื่อมีอากาศหมุนเวียนในดิน และหมั่นคลุกกลับพลิกดิน เพื่อให้อ๊อกซิเจนหมุนเวียนในดิน

ในการหมักสามารถทำได้ในหลากหลายพื้นที่ตามความสะดวก และเหมาะสม เช่น หากเป็นการปลูกลงดิน ให้หมักบนที่ที่จะใช้ปลูกได้เลย หมักใส่กระถางที่เราต้องการจะปลูก หมักใส่ภาชนะที่ปิด ข้อดีของการหมักในภาชนะที่ปิด ก็คือ ป้องกันโรค และแมลงได้ดี หรือจะหมักใส่กระสอบทิ้งไว้แล้วเก็บไว้ใช้นานๆ การหมักบ่มนาน ไม่ได้ส่งผลเสียใดๆ
วิธีเช็คเบื้องต้นว่า ดินพร้อมใช้งานแล้วหรือยัง??
ให้นำมือล้วงลงในดิน และดูว่าดินยังมีความร้อน หรืออุ่นอยู่หรือไม่ หากดินเย็นตัวลงแล้วก็พร้อมที่จะใช้งานได้
แล้วถ้าเราไม่หมักดิน ผสมเสร็จแล้วใช้เลย จะเกิดอะไรขึ้น??
สิ่งที่เห็นได้ภายนอกชัดเจนก็คือ ต้นอาจจะเหลือง หรือเหี่ยว ถ้าเป็นที่ระบบรากอาจจะไม่แสดงอาการชัด แต่จะทำให้ต้นหยุดชะงักการเจริญเติบโต เพราะดินมีความร้อน และรากไหม้ จากกิจกรรมการย่อยของจุลินทรีย์ที่ยังสมบูรณ์ ได้แย่งก๊าซในดินไปใช้ด้วย เพราะถ้าหากเราหมักบ่มดินได้ดี ต้นที่ปลูกใหม่นั้นจะงาม และเติบโตเร็ว จากธาตุอาหารที่จุลินทรีย์ได้ทำการย่อยให้เรียบร้อยแล้ว
ประโยชน์จากการหมักบ่มดิน ทำให้จุลินทรีย์ในดินหรืออินทรีย์วัตถุ ที่เราผสมเพิ่มทำงานสมบูรณ์ ดินก็จะร่วนซุยมีช่องว่าง ทำให้มีอากาศหมุนเวียนในดินได้ดี รากก็จะเดินดี จุลินทรีย์จะปลดปล่อยธาตุอาหารที่ได้จากการย่อยสลาย ซึ่งพืช หรือต้นไม้ดึงไปใช้ได้เลย ต้นก็จะฟื้นตัวเร็ว ไม่ชะงักการเจริญเติบโต
