กระบองเพชร สกุล แอสโตรไฟตัม (Astrophytum) การเลี้ยง และดูแล


กระบองเพชร (แคคตัส) สกุล แอสโตรไฟตัม ( Astrophytum ) เป็นอีกหนึ่งสายพันธุ์กระบองเพชรที่ได้รับความนิยมในประเทศไทย และมีการพัฒนาสายพันธุ์ อยู่เรื่อยๆ จนทำให้มีทรง และลวดลายแปลกตามากขึ้น

ลักษณะของต้น

ลักษณะที่โดดเด่นของต้นคือ ผิวสีเขียวเข้มสด ตัดกับลายบนต้นที่เป็นสีขาว ลวดลายมากมายแปลกตา ตามที่ได้พัฒนา และผสมพันธุ์ มีดอทปุย เป็นตุ่มขนขึ้นบนผิวต้น มีชนิดที่มีหนามและไม่มีหนาม แต่ที่นิยมและมีผู้เพาะเลี้ยงขยายพันธุ์กันมากจะเป็นชนิดที่ไม่มีหนามอย่าง แอสโตรไฟตัม แอสทีเรียส ( A.asterias ) , แอสโตรไฟตัม ไมริโอสตริกมา ( A.myriostigma )









แอสโตรไฟตัม แอสทีเรียส มีการพัฒนาสายพันธุ์จากญี่ปุ่น จนทำให้เกิดลวดลายบนต้นที่แตกต่าง แตกย่อยอีกมากมาย โดยจะมีชื่อเรียกกันตามลักษณะ

KABUTO ( คาบุโตะ ) ลักษณะ : จะมีลวดลายขาวประปราย กระจายทั่ว ดอทต้นขนาดเล็ก เรียงตามเส้นพู ของต้น

• SUPER KABUTO ( ซูเปอร์คาบุโตะ) ลักษณะ : มีลายสีขาวหนา แน่น กว่าคาบุโตะปกติ ปื้นสีขาวมีลายหนา แปลกตา

• V-TYPE ( วีไทป์ ) ลักษณะ : มีลายสีขาวเป็นรูปตัวอักษรวี (V) เรียงไล่ตามดอท ตามแนวของพู หากต้นไม่มีลวดลาย เป็นสีเขียวและมีเพียงลายวี สีขาว จะเรียกว่า วีนูดัม ( V-Nudum )

• NUDUM ( นูดัม ) ลักษณะ : ผิวของต้นจะเกลี้ยงเขียว ไม่มีลาย หรือจุดสีขาวบนต้นเลย มีเพียงดอทปุย

• HANAZONO ( ฮานะโซโนะ ) ลักษณะ : มีดอทปุยเล็กๆ กระจายอยู่ทั่วต้น มีลวดลายต่างๆ ไม่ซ้ำกัน ซึ่งดอทที่กระจายอยู่นี้ทำให้สร้างตาดอกได้หลายตำแหน่งมากกว่าปกติ จึงเป็นแอสโตรที่มีตำแหน่งการออกดอกได้ทั่วต้น ต่างกับแอสโตรปกติที่จะออกดอกที่ตุ่มหนามปลายยอดของต้น

• RENSEI ( เรนเซ ) ลักษณะ : ดอทปุย ตุ่มขน เรียงชิดติดกันมีลักษณะคล้าย “สร้อย” โดยปกติหากเป็น KABUTO ทั่วไป ดอทจะไม่เรียงชิดติดกัน จะมีระยะห่างระหว่างดอท




• OOIBO ( โออิโบะ ) ลักษณะ : ดอทปุย ตุ่มหนาม มีขนาดใหญ่กว่าปกติมาก และถ้าเป็นดอทที่ใหญ่กว่าปกติ และเรียงชิดกันเป็นสร้อย ก็จะเรียกว่า OOIBO RENSEI ( โออิโบะ เรนเซ )

• KIKKO ( กิ๊กโกะ ) ลักษณะ : ตุ่มหนามเป็นบั้ง และหยักเว้าเป็นร่องลึก และกว้างต่างกันไป มีลักษณะของสันพูที่แบ่งกันระหว่างแต่ละตุ่มหนาม คล้ายกับกระดองเต่า

• EKUBO ( คุโบะ ) ลักษณะ : มีรอยขีดสั้นๆ ขวาง ระหว่างพู หรือใต้ดอทหนาม เรียงตามพูคล้าย “ลักยิ้ม”

• FUKURYU ( ฟุคุริว ) ลักษณะ : ผิวยับย่น ขึ้นเป็นริ้วหยัก ซ้อนกันไป

• FUKURYO ( ฟุคุเรียว ) ลักษณะ : มีพูแทรกจากปกติ หรือพูเล็กๆ เหมือนติ่ง แทรกอยู่ในระหว่างพูใหญ่ปกติ

SNOW ( สโนว์ ) ลักษณะ : มีลาย หรือขนสีขาวขนาดติดกันเป็นปื้นใหญ่ จำนวนมากปกคลุมผิวของต้นแทนจะมองไม่เห็นสีเขียวของต้น

• STAR SHAPE ( สตาร์ เชฟ ) ลักษณะ : ลำต้นจะไม่กลมเหมือนแอสโตรทั่วไป จะมีความเว้าลึกระหว่างพู ที่เว้าไปจนถึงโคนต้น หากวางต้นหงายขึ้นจะเห็นรองระหว่างพูที่เว้าชัดเจน มองจากด้านบนลักษณะเหมือนดาว ต่างกับแอสโตรปกติที่เป็นลักษณะกลม

ส่วนที่เป็นแอสโตรไฟตัม ที่มีหนาม ได้แก่ แคปริคอร์น ( A.capricorne ), ออร์นาตัม ( A.arnatum ) เมื่อต้นยืนอายุมากต้นจะยิ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ

ส่วนลด !! พิเศษ สูงสุด 50% ช้อปเลย..

ลักษณะของดอก

ดอกมีเรื่อยๆ ในทุกฤดู แต่จะมากในฤดูร้อน ที่เหมาะเป็นการผสมพันธุ์ ดอกบานในช่วงเที่ยง-บ่าย และหุบตอนเย็น ดอกบาน 1-3 วันก็จะโรย เมื่อมีการผสมเกสรติดดอกจะปิดทันที มีดอกเป็นสีเหลืองส่วนใหญ่ แต่จะมีพบเป็นสีชมพู หรือชมพูโทนแดงได้ด้วย แต่จะค่อนข้างหายากกว่าสีเหลือง และจะมีชื่อเรียก ดอกสีชมพูโทนแดงว่า AKABANA ( อคาบานะ ) กลีบดอกปกติ จะยาวกว้าง ปลาย ขอบกลีบดอกเรียบ หากมีหยักหรือริ้ว จะเรียกว่า ดอกขนนก ซึ่งจะหาได้ยาก ดอกที่มีลักษณะแปลก และพบได้ยากอีกแบบคือ ดอกชินโชวะ ( Shinshowa ) ลักษณะของกลีบดอกจะเล็กเรียวเป็นเส้นฝอย

การขยายพันธุ์

ผสมเกสร ติดฝัก นำไปเพาะเมล็ด เป็นการผสมข้ามต้น และสามารถผสมข้ามชนิดกันได้ที่เป็นสกุลเดียวกัน เช่น แอสทีเรีย ผสมกับ ไมริโอสตริกมา ก็จะได้มาเป็นลูกผสม ที่มีลักษณะเด่นของทั้ง 2 ออกมาในรุ่นลูก ลูกผสมจะเรียกกันว่า Hybird (ไฮปริด)

สภาพแวดล้อมและการเลี้ยงดู

แอสโตร เป็นไม้ที่ค่อนข้างชอบชื้นกว่า กระบองเพชรทั่วไป ไม่ชอบแดดแรง หากเลี้ยงแดดจัดจะทำให้ผิวไหม้ง่าย หรือไม่เป็นสีเขียวใส เว้นแต่ในต้นที่มีลายขาวปกคลุมมาก หรือสโนว์ ที่จะทนแดดได้ดีกว่าไม้ที่มีผิวเขียวเยอะ ฉะนั้นการเลี้ยงจึงควรพลางแสง ด้วยสแลน หรือเป็นแดด 60-70% จะทำให้ไม้มีผิวที่สวยไม่กร้านแดด

ดินโปรงชื้น แต่ไม่แฉะ ดินไม่ชุ่มน้ำนาน ระบายความชื้นได้ดี รดน้ำเมื่อดินแห้ง ช่วงหน้าฝนต้องระวังไม่ให้ดินมีความชื้นมากเพราะจะเกิดคราบน้ำโคนต้น หรือโรคที่เกิดจากแบคทีเรียบางอย่างได้ เมื่อเกิดรอยแผลแล้วจะเป็นแผลตลอดรักษาไม่หาย นอกจากรอให้ต้นโต และผิวไล่ลงโคนต้น และเมื่อถึงระยะเปลี่ยนดิน หรือต้นโตคับกระถางควรเปลี่ยนดิน ขยายขนาดกระถาง เพื่อให้ต้นไม่ชะงักการโต หากปล่อยไว้นาน รากแน่น ความชื้นไม่พอจะทำให้โคนต้นยุบได้ง่าย และหากรากไม่มีการกระตุ้น หรืออ่อนแอ จะโดนโรค หรือศัตรูพืช รุ่มเร้าได้ง่าย

โรค และศัตรูพืชที่พบบ่อย

เพลี้ยแป้ง กัดกินราก และต้น, เพลี้ยญี่ปุ่น กินยอด , เพลี้ยหอย เกาะต้น, แคงเกอร์ เกาะ กัดกินผิว, หนู ที่ค่อยกัดกินต้น และกินฝักเมื่อผสมเกสรติด

📌 รวมพิกัด ไอเท็มทำสวนไว้ให้เลือกช้อป !!

Advertisement  / โฆษณา

กระบองเพชร ไม้อวบน้ำ สกุล และสายพันธุ์ที่เลี้ยงง่าย ดูแลไม่ยาก เหมาะกับมือใหม่


สำหรับมือใหม่ ที่ต้องการเริ่มหัดเลี้ยง กระบองเพชร ( แคคตัส ) แนะนำให้เริ่มปลูกจากสกุล หรือชนิดที่ดูแลได้ง่ายก่อน เริ่มจากชนิดที่ราคาไม่สูงมาก ดูแลง่าย เพื่อเป็นการค่อยๆ ศึกษาวิธีการเลี้ยง ขยายพันธุ์ รักษาโรค หรืออาการป่วย และสภาพแวดล้อมในการปลูกให้เหมาะสม ให้มีความชำนาญ

สกุล แมมมิลลาเรีย ( Mammillaria ) ในภาพเป็น นิโวซา ( M. nivosa ) หรือเรียกกันว่า แมมเข็มทอง แมมหนามทอง หนามสีทองเป็นหนามแข็ง หนามคม ติดดอกง่าย ดอกเล็กๆ ออกรอบวงของต้น ดอกสีขาว มีดอกออกเรื่อยๆ สามารถติดฝักได้เอง โดยไม่ต้องผสม ชอบแดด 70-80% หากเลี้ยงได้แดดดี ต้นจะฟอร์มกระชับ หนามถี่และแน่น สีทองสวยงาม ในระหว่างช่องตุ่มหนามจะมีปุยขาว หากไม่แยกหน่อไปปลูกก็จะเป็นไม้ฟอร์มกอโต

การขยายพันธุ์ : เพาะเมล็ด และการชำหน่อ สามารถเด็ดหน่อ และปักบนดินปลูกได้เลย เมื่อรากเดินดีก็จะแตกหน่อออกมาเรื่อยๆ


สกุล โอพันเทีย ( Opantia ) ในภาพเป็น ไมโครดาซิส ( O.microdasys ) หรือที่เรียกันว่า หนูกระต่าย, เสมาเงิน, หูกระต่ายขาว ลักษณะมีตุ่มขนหนามขนาดเล็กกระจายตัวออกมาเป็นกลุ่ม ซึ่งขนหนามนี้ต้องระวังไม่ควรใช้มือสัมผัสโดยตรงเพราะจะติดกับผิวหนังและทำให้เกิดการระคายเคืองได้ ชอบแดด 80-100% หากได้รับแสงแดดเพียงพอ ขนหนามจะยิ่งฟูแน่น ใบกลมไม่ยืดยาว

การขยายพันธุ์ : ใช้การปักชำ สามารถเด็ดใบ และปักบนดินปลูกได้เลย เมื่อรากเดินดีก็จะแตกใบ แตกหน่อออกมาเรื่อยๆ










สกุล แมมมิลลาเรีย ( Mammillaria ) ในภาพเป็น ไซเดียนา ( M.schiedeana ) หรือที่เรียกันว่า แมมขนนกเหลือง ขนหนามเป็นกระจุก และบานออก ขนหนามมีความอ่อนนุ่มไม่แหลมคม สีขนหนามมีความเข้มอ่อนต่างกันตามแต่ที่ผสมพันธุ์กันมา ดอกเล็กๆออกรอบวงของต้น ดอกออกเรื่อยๆ ทุกฤดู แต่จะมากเป็นพิเศษในฤดูหนาว สีของดอกมีหลายหลายสี ที่พบบ่อยคือ สีขาว และชมพู ส่วนสีออกชมพูอมแดง หรืออมม่วงนั้นจะพบได้ยากกว่า เมื่อโต และไม่ได้แยกหน่อไปปลูก จะเป็นฟอร์มกอ หัวกลมขนาดไม่ใหญ่มากแตกออกเป็นพุ่มขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ชอบแดด 80-90% หากต้องการให้ได้ฟอร์มกลมสวย ต้องเลี้ยงให้ได้รับแสงแดดยาว นาน 6-8 ชม.ต่อวัน ไม่ค่อยชอบชื้น เว้นการรดน้ำได้นาน กว่ากระบองเพชรชนิดอื่นๆ

การขยายพันธุ์ : เพาะเมล็ด และการชำหน่อ สามารถเด็ดหน่อ และปักบนดินปลูกได้เลย เมื่อรากเดินดีก็จะแตกหน่อออกมาเรื่อยๆ


สกุล ยิมโนคาไลเซียม ( Gymnocalycium ) ในภาพเป็น มิฮาโนวิชิอาย ( Minanovichii ) หรือเรียกกันสั้นๆ ว่า ยิโนมิฮา ต้นพื้นฐานจะมีสีเขียว และมีที่เป็นไม้ด่าง หากเป็นมือใหม่การเลี้ยงไม้เขียวจะง่ายกว่าการเลี้ยงไม้ด่าง ยิมโนจะชอบความชื้นมากกว่ากระบองเพชรสายพันธุ์อื่นๆ แดด 60-80% ผิวไม้จะเขียวสวยกว่าการเลี้ยงแดดแรง สามารถเลี้ยงแดดแรงได้ หรือเลี้ยงตามธรรมชาติแบบแดด100% ฝน100% แต่ผิวของไม้อาจจะไหม้แดดง่าย หรือผิวกร้านไม่เขียวใส จะมีดอก และหน่อ งอกตามตุ่มหนาม ดอกจะออกมาในช่วงฤดูร้อน ดอกหลักๆ มี 2 สี คือ ขาว และชมพู แต่จะมีหลากหลายโทนและเฉด

การขยายพันธุ์ : เพาะเมล็ด และการชำหน่อ สามารถเด็ดหน่อ และปักบนดินปลูกได้เลย เมื่อรากเดินดีก็จะแตกหน่อออกมาเรื่อยๆ


สกุล อิชินอปซิส ( Echinopsis ) ในภาพเป็น ซับเดนูดาตา ( E.subdenudata ) เป็นแคคตัสที่เลี้ยงได้ง่าย ชอบชื้นแต่ไม่แฉะ อากาศถ่ายเทดีอยู่ได้ทั้งแดด 60% จนถึงเลี้ยงกลางแจ้งแดด 100% แต่ถ้าหากเลี้ยงแดดแรงต้องหมั่นรดน้ำ เพราะหากขาดน้ำต้นจะซีดเหลืองไหม้แดดได้ง่าย เป็นไม้ที่แตกกอ แตกหน่อยได้ง่ายเมื่ออายุถึงวัย ดอกสีขาวใหญ่ มีกลิ่นหอมอ่อน สดชื่นๆ เมื่อดมใกล้ๆ ดอกจะบานในตอนกลางคืน และโรยในตอนเที่ยง

การขยายพันธุ์ : ชำหน่อ สามารถเด็ดหน่อ และปักบนดินปลูกได้เลย เมื่อรากเดินดีก็จะแตกหน่อออกมาเรื่อยๆ

กระบองเพชรทั้งหมดนี้ใช้วัสดุปลูกเหมือนกัน แตกต่างกันตรงการให้น้ำ และแสงแดดที่ต้องการ วัสดุปลูกควรเป็น ดินกระบองเพชร โดยเฉพาะ เพราะจะมีคุณลักษณะเครื่องปลูกที่โปร่ง และระบายน้ำ ความชื้น ในการปลูกควรรองก้นกระถางเพื่อให้ดินระบายความชื้นได้ดี

📌 รวมพิกัด ไอเท็มทำสวนไว้ให้เลือกช้อป !!

Advertisement  / โฆษณา

วิธีการปลูกต้นอ่อนกระบองเพชร และการดูแล หลังจากแยกมาจากการเพาะเมล็ด


การปลูกต้นอ่อนกระบองเพชร

ดิน และวัสดุปลูก ใช้แบบเดียวกับการปลูกปกติ กระถางที่เลือกใช้ไม่ควรใหญ่ และลึกเกินไป เพราะจะยิ่งเป็นการสะสมความชื้นในดินเยอะมากเกิน การปลูกในกระถาง ควรรวมกันก่อน เพื่อประหยัดพื้นที่ และอีกหนึ่งสาเหตุ ต้นอ่อนกระบองเพชรนั้น จะมีรากที่อ่อน เล็ก ดูดซึมความชื้นได้น้อย หากดินชื้นมากจะทำให้ต้นอ่อนเน่าได้ง่าย การปลูกรวมกันจึงเป็นการช่วยควบคุมความชืนในดินไม่ให้มีมากเกินไป










วัสดุที่ใช้โรยหน้า ควรระบายความชื้นได้ดี หากเป็นหินกรวด ก็ควรเป็นเป็นกรวดเบอร์ไม่เล็กมาก เพราะหินเบอร์เล็ก ละเอียด จะทำให้ดินเก็บควมชื้นมาก หากดินชื้น เมื่อต้นอ่อนโดนแดดหินที่อบและร้อน อาจจะทำให้เกิดอาการเน่าบริเวณโคนต้นได้ หากใช้เป็นจำพวกดินญี่ปุ่น หินลาวา หินภูเขาไฟ จะระบายความชื้นได้ดีกว่า และสังเกตความชื้นในดินได้ง่าย เวลารดน้ำ


การดูแลต้นอ่อนกระบองเพชร

ในช่วงที่ย้ายจากการเพาะมาลงปลูกใหม่ๆ ควรเลี้ยงในที่แดดร่ำไร จนกว่าจะสังเกตเห็นว่า รากเริ่มเดินดี ( ดูได้จากรากที่ยึดกับดิน หรือยอดเดิน ) จึงค่อยๆ นำมาเลี้ยงในแดดที่เข้มข้นขึ้น โดยสภาพแวดล้อมในการเลี้ยงต้นอ่อนนั้น ควรจะมีการปรับแสงให้ลดลง พรางแสง มากกว่าการเลี้ยงโดยปกติ ที่ใช้เลี้ยง 10-20 % โดยประมาณ

ด้วยต้นอ่อนมีรากอ่อน เล็ก สั้น ดูดซึมอาหารได้ไม่มาก และลำต้นที่เล็กการกักเก็บอาหารในตัวยังมีน้อย ในช่วงแรกการรดน้ำจึงจะใช้เป็นการหมั่นโชยน้ำอยู่บ่อยๆ 2-3 วันครั้ง รดไม่ต้องชุ่มมาก เพื่อป้องกันไม่ให้ดินมีความชื้นมากไป เมื่อต้นอ่อนเริ่มแข็งแรงต้นโตขึ้น จึงค่อยปรับแสงแดดในการเลี้ยงให้เข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ และเพิ่มปริมาณน้ำที่ใช้รดให้มากขึ้น

วิธีปลูก กระบองเพชร (แคคตัส) ไม้เล็กหรือไม้ที่แยกออกจากพอทเพาะเมล็ด

📌 รวมพิกัด ไอเท็มทำสวนไว้ให้เลือกช้อป !!

Advertisement  / โฆษณา

คำถามที่พบบ่อยในการเพาะเมล็ด ต้นอ่อน กระบองเพชร (แคคตัส) แบบปิด


เพาะเมล็ดไปแล้วต้องรดน้ำอีกหรือไม่??

หากเป็นการเพาะแบบปิด จะไม่ต้องรด หรือให้น้ำหลังจากการเพาะครั้งแรกอีกเลย เว้นแต่ในกรณีที่น้ำระเหยออกมาเยอะจนดินแห้ง สามารถใช้สเปรย์พ่นน้ำเพิ่มได้และรีบปิดภาชนะเพาะโดยเร็ว

ทำไมต้นอ่อนกระบองเพชรโตช้า??

หากตอนโรย หรือหว่านเมล็ดนั้นมีความหนาแน่นกันจนเกินไป เมื่อต้นอ่อนโตขึ้นจนเริ่มเบียดกันจะเริ่มแย่งอาหารทำให้ต้นอ่อน โตช้า วิธีแก้หากต้นเริ่มมีการเบียดกันมากเกินไป ให้แยกต้นที่โตพอปลูกได้แยกออกมาปลูกก่อน และต้นที่ยังเล็กไม่สมบูรณ์เลี้ยงไว้ในกล่องต่อไป ฉะนั้นตอนโรยเมล็ดควรเว้นระยะห่างให้พอเหมาะ การกะระยะแบบคร่าวๆ โดยใช้นิ้วก้อยเราแทนต้นอ่อน แล้วเว้นระยะให้เหมาะสม









ทำไมเมล็ดงอกช้า ไม่ค่อยงอก งอกน้อย??

เมล็ดงอกช้า เกิดจาก 2 สาเหตุหลักๆ ที่พบบ่อยคือ ความสมบูรณ์ของเมล็ด และระยะเวลาที่เกิดเมล็ดไว้ หากเมล็ดเก็บไว้นานมาก อัตราการงอกก็อาจจะลดลงได้ อีกหนึ่งสาเหตุคือ การได้รับแสงไม่เพียงพอ ต่อการงอก ซึ่งจะส่งผลให้ต้นอ่อนโตช้าลงอีกด้วย

ต้นอ่อนยืดยาวเป็นถั่วงอก??

หากได้รับแสงแดดน้้อยจะทำให้ต้นอ่อน ยึดตัวขึ้นหาแสง จนต้นเสียฟอร์ม วิธีแก้ ค่อยปรับ หรือเปลี่ยน สถานที่เพาะ ให้เขาค่อยได้รับแดดเพิ่มขึ้น หากเปลี่ยนไปเลี้บงแดดที่แรงขึ้นกระทันหัน อาจจะทำให้ต้นอ่อนปรับตัวไม่ทัน จนไหม้ ฝ่อ ยุบตัวลงได้

จะรู้ได้อย่างไร ว่าความชื้นในกล่อง พอเหมาะพอดี กับต้นอ่อน??

ให้สังเกตจากไอน้ำที่ระเหยมาเกาะอยู่ในกล่อง หรือภาชนะที่เราใช้เพาะ การควบแน่นจะทำให้เกิดเป็นเม็ดไอน้ำที่เกาะอยู่ หากไม่มีไอน้ำเกาะเลย ความชื้นในดินนั้นอาจจะน้อยเกินไป แต่ถ้าหากเม็ดไอน้ำมีขนาดใหญ่ และเยอะมาก หรือเกิดมีตะไคร่มาก นั้นอาจจะเป็นเพราะความชื้้นเยอะ และโดนแดดแรงเกินไป

ทำไมในกระถางเพาะมีตะไคร่เยอะ ต้องทำอย่างไร??

ถ้าหากพบว่าในภาชนะที่เราใช้ในการเพาะมีตะไคร่มากเกิน อาจเป็นได้จากความชื้นในกล่องมีปริมาณมากเกิน ตำแหน่งที่วางนั้น มีแสงแดดแรงเกินไป ควรย้าย หรือกางสแลนช่วยพรางแสง ส่วนตะไคร่นั้นให้ใช้้แหนบเช็ดทำความสะอาดด้วยแอลกอลฮอล์แล้วคีบเอาตะไคร่ออก และปิดภาชนะเพาะตามเดิม อย่างรวดเร็ว และควรทำในช่วงที่อากาศไม่ร้อนจัด เพราะถ้าหากปล่อยให้ตะไคร่มีีปริมาณเยอะมากนั้นอาจจะทำให้ต้นอ่อนของเราโดนแย่งอาหารและตายได้

แมลงตัวเล็กๆ ขาวๆ กระโดดได้ เดินเร็วๆ เป็นอันตรายต่อต้นอ่อนหรือไม่??

แมลงเหล่านี้มาจากไข่ที่ทิ้งไว้อยู่พีทมอส เมื่อมีความชื้นและอุณหภูมิที่เหมาะสมก็ฝักตัวออกมา ซึ่งไม่ส่งผลเสียต่อต้นอ่อนกระบองเพชรแต่อย่างใด

แล้วเราจะเอาต้นอ่อนออกมาปลูกตามปกติได้เมื่อไหร่??

เมื่อเพาะได้ระยะเวลา 4 – 6 เดือน หรือเมื่อหัวยอดต้นอ่อนขนาดประมาณ 0.5-2 เซนติเมตร ( ซึ่งบางสายพันธุ์ ที่เป็นไม้ทรงยาว ไม้ตอ สามารถแยกได้ ตั้งแต่ต้นอ่อนมี ขนาด 0.5 เซนติเมตร โดยจะดูความสมบูรณ์ของต้นอ่อนเป็นหลัก )




📌 รวมพิกัด ไอเท็มทำสวนไว้ให้เลือกช้อป !!

Advertisement  / โฆษณา

เพาะเมล็ด กระบองเพชร (แคคตัส) จะต้องทำอย่างไรต่อ? ควรแยกมาปลูกเมื่อไหร่?


เมื่อเพาะเมล็ดได้ระยะเวลาประมาณ 4 – 6 เดือน หรือเมื่อต้นอ่อนขนาดประมาณ 1-2 เซนติเมตร ( ซึ่งบางสายพันธุ์สามารถแยกได้ ตั้งแต่ต้นอ่อนมี ขนาด 0.5 เซนติเมตร โดยจะดูความสมบูรณ์ของต้นอ่อนเป็นหลัก )

หากเป็นการเพาะเมล็ดแบบปิด ก่อนที่จะนำออกมาปลูก 1-2 อาทิตย์ค่อยๆ แง้มฝากล่อง ภาชนะ หรือถุง ที่ใส่ในการเพาะทีละนิด เพื่อให้ต้นอ่อนได้มีการปรับตัวกับสภาพอากาศภายนอก ที่อุณหภูมิจะแตกต่างกันมาก

เมื่อต้นอ่อนได้ปรับสภาพแล้ว ก็สามารถนำลงปลูกในดินปลูกปกติได้เลย โดยไม่ต้องตัดแต่งราก โดยการปลูกนั้น แนะนำให้เป็นการปลูกในกระถางรวมกันก่อน เพื่อประหยัดพื้นที่ และอีกหนึ่งสาเหตุ ต้นอ่อนกระบองเพชรนั้น จะมีรากที่อ่อน เล็ก ดูดซึมความชื้นได้น้อย หากดินชื้นมากจะทำให้ต้นอ่อนเน่าได้ง่าย การปลูกรวมกันจึงเป็นการช่วยควบคุมความชืนในดินไม่่ให้มีมากเกินไป










คำถามที่พบบ่อย ??

ถ้าหากเรายังไม่มีเวลาแยกมาปลูกลงดิน จะส่งผลเสียอะไรกับต้นอ่อนหรือไม่?

ต้นอ่อนสามารถอยู่ในกล่อง หรือกระถางเพาะต่อได้อยู่ โดยเลี้ยงต่อแบบเปิดฝากล่อง หรือนำเอาออกมาจาก กล่อง ภาชนะ ถุง ที่เราใส่อบไว้ แล้วให้น้ำโดยการโชยน้ำอยู่เรื่อยๆ เมื่อดินแห้ง ซึ่งเขาสามารถโตต่อได้

แต่การเจริญเติบโต อาจจะเริ่มช้าลง เพราะสารอาหารที่อยู่ในดินเพาะจะเริ่มหมด หรือเมื่อต้นโตมากขึ้นเรื่อยๆ จนเบียดกัน เกิดการแย่งอาหาร ส่งผลให้ต้นที่เล็กกว่่า อาจจะถูกแย่งอาหารจนแคระแกร็น หรือฝ่อตายได้

📌 รวมพิกัด ไอเท็มทำสวนไว้ให้เลือกช้อป !!

Advertisement  / โฆษณา

จัดมุม กระบองเพชร ไม้อวบน้ำ Succulent Corner สร้างความสดชื่นให้กับบ้าน หรือมุมนั่งทำงาน


Succulent Corner 🌵 สร้างความสดชื่นให้กับบ้านหรือ มุมที่ต้องนั่งทำงาน ด้วยต้นกระบองเพชร ไม้อวบน้ำ ไม้ฟอกอากาศ
– หากใครมีต้นอยู่แล้วก็เอามาวางประดับกับของแต่งบ้านต่างๆ หรือ ไม้ประเภทอื่นๆ แต่ถ้าหากพื้นน้อย ก็อาจจะใช้การติดตั้งชั้นที่ผนังเพื่อวาง

คำแนะนำ หากมีหลายต้นอาจจะใช้สลับกันวางตากแดดบ้าง เพื่อให้ต้นไม้ไม่ขาดแสงแดด

—- 🧐 ควรต้องเลือกดูสายพันธุ์ที่เหมาะกับการเลี้ยงในที่ที่มีแสงแดดน้อยได้ เช่น ยิมโน อิชินอป ฮาโวเทีย

—- ☑️ดินที่เลือกใช้ควรเป็นดินปลูก ที่โปร่งและเหมาะสม หรือดินปลูกไม้อวบน้ำโดยเฉพาะ

—- ☀️ แสงแดดนั้นจำเป็นมากับพืชตระกูลนี้ ควรต้องให้ได้รับแสงแดดที่พอเพียง เพื่อไม่ให้ต้นเสียฟอร์ม หรือเกิดการเน่าในดินเพราะความชื้นที่เยอะเกินไป

—- 💦 การรดน้ำควรรดเมื่อดินแห้ง เพราะไม้อวบน้ำนั้น เป็นพืชที่ไม่ต้องการน้ำบ่อย เขาจะเก็บกักน้ำไว้ในตัวเองได้เยอะ ฉะนั้นจึงไม่ต้องรดน้ำบ่อย









การเลี้ยงดู เปลี่ยนกระถางและรายละเอียดต่าง ๆ เพิ่มเติม >> คลิก <<

ขอบคุณภาพไอเดียดีๆ : pinterest

📌 รวมพิกัด ไอเท็มทำสวนไว้ให้เลือกช้อป !!

Advertisement  / โฆษณา

ไอเดีย ชั้นวางกระบองเพชร ไม้อวบน้ำ แบบเก๋ๆ สำหรับคนที่พี้นที่มีน้อย ต้องใช้สอยประหยัด


ไอเดีย ชั้นวางกระบองเพชร 🌵 ไม้อวบน้ำ แบบเก๋ๆ สำหรับคนที่พี้นที่มีน้อย ต้องใช้สอยประหยัด มาฝากกันค่ะ เหมาะกับคนที่อยู่คอนโด หอ หรือมีพื้นที่จำกัด แต่อยากจะมีมุมเขียวๆ มุมเล็กๆ ไว้ให้ดูสดชื่น

มีทั้งที่เป็นงานแบบ DIY เป็นการประยุกต์ของมาใช้ แบบงบน้อย หรือจะซื้อสำเร็จมาตั้ง

ส่วนตำแหน่งการวางนั้นควรจะเป็นที่ ที่มีแสงแดดส่องถึงได้ และถ้าหากตรงที่วางนั้นได้รับแสงไม่เพียงพอ ควรนำต้นเขาออกมารับแสงบ้าง เพื่อป้องกันการเน่า หรืออับชื้นในดิน และต้นเสียฟอร์ม วัสดุที่จะนำมาเป็นพื้นวางควรกันนำและกันชื้นได้ดี









ขอบคุณภาพไอเดียเก๋ๆ : Pinterest

📌 รวมพิกัด ไอเท็มทำสวนไว้ให้เลือกช้อป !!

Advertisement  / โฆษณา

แบบโรงเรือนขนาดเล็ก ข้างบ้าน ใช้พื้นที่น้อย ทำง่าย ประหยัดงบ


สำหรับคนที่พื้นที่น้อย แบบโรงเรือนเล็ก ข้างบ้าน น่าจะช่วยตอบโจทย์ได้ ซึ่งทำได้หลายหลายรูปแบบตามงบประมาณและสถานที่ เป็นไอเดียให้กับคนที่กำลังมองหาแบบ บ้านหลังน้อยให้ต้นไม้สุดที่รักกัน
.
และสิ่งที่ต้องคำนึงถึงในการทำมีอะไรบ้าง
🔺 วัสดุ ความแข็งแรงคงทน นั้นมีความสำคัญเป็นอันดับต้นๆ นะคะ ถ้าหากไม่อยากพบปัญหาเรื่องลมฝนทำพังในอนาคต
🔺 ทิศทางของแสง ที่ต้นจะต้องได้รับ หากแสงน้อยต้นอาจจะยืดและเสียฟอร์มได้ ระยะห่างแต่ละชั้น ควรมีที่ให้แสงให้พอส่องถึงเข้าไปด้านในสุดได้
🔺 วัสดุที่จะเลือกใช้ควรกันน้ำ และทนฝนได้









ใช้แผ่นใส เป็นตัวช่วยป้องกันน้ำฝน ซึ่งมีน้ำหนักเบา และหาซื้อได้ง่าย
ประหยัดงบด้วยการใช้แผ่นพลาสติกผ้าใบ แบบใส

ส่วนลด !! พิเศษ สูงสุด 50% ช้อปเลย..

ใชหลังคาลอนใสเล็กมาทำเป็นตัวช่วยป้องกันน้ำ
แบบประหยัดงบสุด โดยไม่ต้องจ้างช่างสามารถทำได้ด้วยตัวเอง

ขอบคุณภาพ : Pinterest

📌 รวมพิกัด ไอเท็มทำสวนไว้ให้เลือกช้อป !!

Advertisement  / โฆษณา

กระบองเพชร รากเสีย รากตาย แก้ได้ง่ายๆ ได้รากใหม่ ต้นกลับมาแข็งแรงเหมือนเดิม


บ่อยครั้งที่เรารับต้นใหม่เข้าบ้าน ทำให้เราไม่รู้ประวัติของต้นก่อนจะมาถึงเรา และไม่ทราบสาเหตุ ที่ทำให้เรานำไม้มาปลูกแล้วเกิดปัญหา ต้นไม่โต รากไม่เดิน หรือแย่สุดคือ รากเน่าจนกินเข้ามาจนถึงแกนต้น และเน่าลามจนเกิดเยี่ยวยา

แต่ข้อสันนิษฐาน คือ ให้สังเกตไม้ก่อนนำเข้าบ้านว่า มีลักษณะสมบูรณ์หรือไม่ รากยังขาวแข็งแรงไม่เหี่ยวแห้ง ต้นไม่มีอาการนิ่ม หรือฝ่อบริเวณโคน เพราะอาการเหล่านี้ สามารถบ่งชี้ถึงสภาพแวดล้อมหรือการเลี้ยงก่อนหน้านี้ได้ว่า อาจจะได้รับน้ำไม่เพียงพอ หรือ ถ้าเป็นไม้ที่ถอดรากมา จะไม่เห็นสภาพของดินเดิม ก็อาจจะทำให้ยากต่อการประเมิน อาจจะต้องใช้วิธีทดลองปลูกก่อน และถ้าในระยะเวลา

หลังจากปลูก ราว 2 สัปดาห์แล้ว ต้นยังไม่มีการฟื้นตัวใดๆ ยอดไม่เดิน และเมื่อรื้อรากมาดู รากก็ไม่เดินหรือ งอกใหม่ อาจจะตั้งข้อสันนิษฐานได้ว่า รากเก่านั้นอาจจะมีปัญหา ไม่ว่าจากการขาดน้ำมานาน หรือโดนโรค และแมลงรบกวน









วิธีแก้แบบที่จะสามารถลดอัตราการตายหรือสูญเสียได้ อีก 1 วิธี คือ การตัดรากเดิมทิ้งทั้งหมดและกระตุ้นให้เขาสร้างรากใหม่ขึ้นมาทดแทน
ซึ่งในการเปลี่ยนกระถางเราจะนิยมตัดแต่งรากกันอยู่แล้ว แต่จะต่างกับในลักษณะนี้ เพราะจะเป็นการตัดจนกุดและเลี้ยงรากใหม่แทน

Re-cacutus-root333

วัสดุ / อุปกรณ์ที่ใช้

– เม็ดดินเผา ( Popper)
– กระถาง
– ถาดหล่อน้ำ
วัสดุเสริม ที่อาจจะใส่เพิ่ม แต่ถ้าหากไม่มีก็ไม่เป็นไร
เช่น – วิตามินบำรุงแบบผสมไปกับน้ำ – ปุ๋ยอินทรีย์บำรุง
ที่ร้านจะไม่ใช้เคมี เลยจะใช้เป็นก้อนฟอสเฟตที่เกิดจากการตกผลึกของมูลค้างคาวในถ้ำจนจับตัวเป็นก้อน ซึ่งจะมีแร่ธาตุ และสารอาหารอยู่ในตัวเยอะ ช่วยกระตุ้นการเกิดรากใหม่ได้ดี




ขั้นตอนการทำ

1. ตัดรากจนถึงโคนต้น และให้มั่นใจว่า ต้นยังไม่ได้มีอาการเน่า เพราะถ้าหากมีอาการเน่า และลามถึงต้นแล้วนั้น จะไม่สามารถใช้วิธีนี้ได้

2. วางทิ้งไว้ในที่ที่มีอากาศถ่ายเท อาจจะมีแสงแดดอ่อนๆ ส่องในช่วงเช้าๆ เพื่อเป็นตัวช่วยให้เแผลที่ตัดแห้งเร็ว และจะช่วยฆ่าเชื้อด้วยไปในตัว สัก 4- 7 วัน ทั้งนี้ระยะนั้นขึ้นอยู่กับสถานที่และสภาพแวดล้อมที่วาง

3. หลังจากแน่ใจแล้วว่าแผลแห้งสนิท ให้นำเม็ดดินเผาใส่กระถาง และอาจจะมีวัสดุเสริมที่เป็นตัวบำรุงเพิ่มผสม นำต้นวางไว้ด้านบน แล้วนำต้นวางลงบนเม็ดดินเผา

4. ใส่น้ำหล่อสักประมาณ 1 ซม. จากก้นกระถาง วางไว้ในที่ๆ มีแสงร่ำไร ชายคาบ้าน หรือแดดเช้า ห้ามนำไปตากแดดโดยตรง

5. ค่อยหมั่นเติมน้ำเมื่อน้ำแห้งอยู่เสมอ

Re-cacutus-root.222jpg

คำถามที่พบบ่อย

• นานไหมกว่ารากจะงอกออกมาใหม่???

จากการทดลองกับหลายสายพันธุ์และหลายชนิด พบว่า ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ด้วย บางสายพันธุ์ อาจจะใช้เวลา เพียง 1 สัปดาห์ บางสายพันธุ์อาจจะใช้ระยะเวลา 2-3 สัปดาห์ และอีกปัจจัยคือ สภาพแวดล้อมที่ใช้วางนั้นเอื้อต่อการสร้างรากใหม่หรือไม่ รวมทั้งความแข็งแรงของต้น หากต้นมียังมีพลังงานสะสมไว้ในตัวเองเยอะ ก็ยิ่งจะทำให้ฟื้นตัวได้เร็ว และทำให้รากงอกเร็วขึ้นด้วย

• หลังจากที่มีราก นานไหมกว่าจะนำมาลงปลูกใหม่???

ให้สังเกตและดูความสมบูรณ์ของรากเป็นหลัก ควรมีความยาวอย่างน้อย 1.5 -2 ซม. และมีรากแก้วที่แข็งแรงแล้ว ถึงจะนำมาปลูกลงดินได้




• แล้วปลูกเหมือนการปลุกทั่วไปเลยไหม ???

วิธีการปลูกเหมือนกับต้นไม้ทั่วไป แตกต่างตรงที่หลังปลูกให้รดน้ำพอชุ่มๆ ทันที เพื่อรักษาความชื้นให้ใกล้เคียงกับสภาพเดิมที่เคยอยู่ตอนที่ล่อราก และก็ให้รดน้ำครั้งต่อไปเมื่อดินแห้งตามที่เลี้ยงปกติ

หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อย สำหรับผู้ที่ประสบปัญหา การลงปลูกแล้วรากไม่เดิน หรือ รากตาย จากการขาดน้ำมานาน หรือโรค แมลงรบกวน

📌 รวมพิกัด ไอเท็มทำสวนไว้ให้เลือกช้อป !!

Advertisement  / โฆษณา