ชุดปลูก B&W วัสดุพร้อมกระถาง ใช้ปลูก แคคตัส กระบองเพชร ไม้อวบน้ำ


ชุดปลูก B&W

ขนาด: 1 เซต / มี 5 อย่าง / 2 ชุด
สถานะสินค้า : พร้อมส่ง

// Speacial offer //
พิเศษ จาก 460 บาท
ลดเหลือ 440 บาท


รายละเอียด

ใช้ปลูก เปลี่ยนกระถาง ชำหน่อ แยกพอต กระบองเพชร แคคตัส กุหลาบหิน ไม้อวบน้ำ
ในชุดประกอบด้วย
— ดินผสมพร้อมปลูก สูตรพรีเมี่ยม / 1 กิโลกรัม x 2 ถุง
— หินภูเขาไฟ เบอร์ 02 ใช้รองก้นกระถาง / 1 กิโลกรัม
— หินเกล็ด ใช้โรยหน้ากระถาง สีขาว , ดำ  / 800 กรัม x 2 ถุง ( สีละ 1 ถุง )
— กระถาง ขนาด 2 นิ้ว ทรงเหลี่ยมไร้ขอบ / 60 ใบ ( สีดำ 30 ใบ สีขาว 30 ใบ )
— ถาดหลุม ใส่กระถาง / 2 ถาด

เปลี่ยนดินตัดแต่งราก เพื่อฟื้นฟูกระบองเพชรต้นเหี่ยว โคนต้นยุบ ต้นไม้ไม่สดใส เพราะเกิดจากระบบรากมีปัญหา


sick

ต้นที่มีปัญหานั้น เป็นผลที่เกิดจากการลืมรดน้ำเป็นระยะเวลาหลายเดือน ติดกัน มีเพียงน้ำจากละอองฝนบ้าง ทำให้ต้นกระบองเพชร ที่เคยสดใส เหี่ยวแห้ง ไม่โต แต่ไม่ตาย เหมือนการเจริญเติบโตหยุดชะงัก

อาการเหล่านี้เทียบได้กับการที่ต้นไม่ได้รับน้ำเพียงพอ ในกรณีที่ใช้การฉีดพ่นน้ำ แต่ไม่ได้รดน้ำจนถึงราก จนทำให้รากตาย รากฝอยแห้งและหลุดออก เหลือเพียงรากแก้วทำงาน

sick4.jpg   

 ในกรณีนี้ต้นยังมีสภาพที่พอฟื้นฟูได้ง่าย เพราะอาการยังไม่รุนแรงมาก ใช้เป็นวิธี ตัดแต่งราก โดยตัดเล็มปลายรากที่ตายทิ้ง กระตุ้นให้ต้นสร้างรากใหม่ที่แข็งแรงขึ้นมา โดยหลังจากตัดแต่งรากแล้ว และรอให้แผลแห้งสนิท ก็นำลงปลูกใน ดินปลูกกระบองเพชร ได้เลยโดยดินนั้นควรมีความชื้นพอเหมาะอยู่แล้วไม่แห้งไป หากดินแห้งมากให้ฉีดละอองน้ำเพิ่มความชื้นเล็กน้อย ก่อนนำมาปลูก

หลังจากลงปลูกควร งดรดน้ำ 4 – 5 วัน เพื่อให้ระบบรากได้ฟื้นฟู ในระหว่างนี้ให้เลี้ยงในแดดร่ำไร งดวางไว้ที่แดดจัด เพราะระบบรากยังไม่แข็งแรงอาจจะทำให้ตายได้

>>วิธีดูแลต้นกระบองเพชร ไม้อวบน้ำ หลังจากลงปลูก หรือเปลี่ยนกระถาง<<

ใช้ระยะเวลาประมาณ 2 สัปดาห์ ต้นที่เหี่ยวก็จะฟื้นฟูขึ้นมาเหมือนเดิม โดยทั้งนี้ระยะเวลาไม่แน่นอน ขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อม ตัวไม้เอง และดินที่ใช้ปลูกที่จะช่วยให้ไม้ฟื้นตัวได้เร็ว ดินที่ใช้เป็นดินสูตรของเรา #mini3garden

sick3.jpg

พัฒนาการหลังจากการปลูกลงดินใหม่

————-
ส่วนในกรณีที่ต้น เหี่ยว และยุบตัวมาก
แนะนำให้ใช้การฟื้นฟูด้วย เม็ดดินเผา ป๊อบเปอร์ (Popper)ก่อนนำลงปลูก
>> ดูวิธีการใช้เม็ดดินเผา ฟื้นฟูต้นเหี่ยว <<

cactus-sick6

ล่อราก ชำหน่อ ยิมโนด่าง : รีวิว วัสดุใช้ล่อราก (Gymnocalycium Variegata)


Review-create_new_root_01

     ในการ “ล่อราก” หรือ ชำหน่อยิมโนด่างนั้น จะค่อนข้างยาก กว่าการล่อรากยิมโนที่ไม่ด่าง และสายพันธุ์อื่น ด้วยความที่เขามีสีที่ด่าง หรือสีเขียวน้อย ทำให้การสังเคราะห์แสง เพื่อเจริญเติบโตจงค่อนข้างยาก บางคนถึงนิยมนำไป “กราฟ” เพราะจะช่วยทำให้ไม้โตไวขึ้น

โดยปกติ การล่อราก สามารถทำได้ทั้งแบบ ระบบเปิด และระบบปิด ซึ่งมีข้อดีเสียแตกต่างกันไป การล่อรากในระบบปิด เสี่ยงต่อการเน่า หรือขึ้นรา การล่อรากแบบเปิด ก็เสี่ยงต่อการที่หน่อฝ่อ รากไม่ออก

สิ่งสำคัญในการล่อรากแบบปิด โดยไม่ใช้ยาเร่งราก หรือยากันรา

• หน่อที่นำมาล่อราก หรือชำหน่อ แผลต้องแห้งสนิท ไม่ฉะนั้นอาจจะทำให้เกิดการเน่า แนะนำให้นำหน่อไปตากแดดอ่อนๆ จะช่วยสมานแผล และฆ่าเชื้อโรคได้

• ภาชนะที่ใช้ หรือวัสดุที่ใช้ควรจะต้องมีความสะอาดเพื่อป้องกันการเกิดรา

• อุณหภูมิที่เหมาะสม อากาศควรถ่ายเทได้ดี แสงแดดที่พอเพียง เป็นช่วงแดดเช้า หรือแดดร่ำไร ประมาณ 40% ห้ามวางในที่ที่อากาศร้อนอบอ้าว หรืออุณหภูมิสูง

• ไม่ควรเคลื่อนย้าย หรือเปิดดูบ่อยๆเพราะอุณหภูมิที่แตกต่างกันมากระหว่างภายในกับภายนอก
อาจจะมีผลกับต้น และการยกดูบ่อยๆ จะเป็นการรบกวน ทำให้รากออกช้า หรือไม่ออก

ขั้นตอนการล่อราก หรือชำหน่อแบบปิด นั้นง่ายมาก
เพียงแค่ใส่วัสดุที่เราใช้ล่อราก 1/3 ของภาชนะที่เราใช้ล่อราก พรมน้ำให้ชุ่ม แล้ววางหน่อของเราไว้บนวัสดุล่อราก โดยไม่ต้องกดหรือฝังแค่วางไว้เฉย หลังจากนั้นก็ปิดฝาให้สนิท คำแนะนำ ภาชนะที่จะนำมาใช้ล่อรากควรเป็น ภาชนะที่รับแสงได้ดี ไม่ควรทึบ หรือแสงเข้าถึงยาก

วัสดุที่เรานำมารีวิวในการล่อราก หรือชำหน่อ ยิมโนด่าง มีดังนี้
•เม็ดดินเผา •เพอร์ไลต์จิ๋ว •ดินอคาดามะ •หินภูเขาไฟ ทีพีไอ •ดินปลูก #mini3garden
โดยมีการนำวัสดุมาผสมกันด้วย
ระยะเวลาที่ใช้คือ 25 วัน
ล่อราก หรือชำหน่อ แบบไม่ใช่ยาเร่งราก และยากันรา


**ปัจจัยที่อาจจะทำให้ได้ ผลผลลัพธ์แตกต่างคือ • สี ความด่าง มาก น้อย • ขนาด และความสมบูรณ์ ของหน่อ
การทดลองนี้ถือว่า 70% สามารถนำมาตัดสินใจใช้วัสดุ แต่ละประเภท และทดลองต่อไป

Review-create_new_root_02

Review-create_new_root_03

-ล่อราก หรือชำหน่อย ยิมโนด่าง โดยใช้ ดินปลูก #mini3garden

Review-create_new_root_04

ล่อราก หรือชำหน่อย ยิมโนด่าง โดยใช้  • ดินอคาดามะ ผสมกับ • หินภูเขาไฟ ทีพีไอ 

ล่อราก หรือชำหน่อย ยิมโนด่าง โดยใช้  • เม็ดดินเผา ผสมกับ •เพอร์ไลท์จิ๋ว

ล่อราก หรือชำหน่อย ยิมโนด่าง โดยใช้  • เม็ดดินเผา ผสมกับ • หินภูเขาไฟ ทีพีไอ

ล่อราก หรือชำหน่อย ยิมโนด่าง โดยใช้  • หินภูเขาไฟ ทีพีไอ


สรุปผลการใช้วัสดุล่อราก ชำหน่อ ยิมโนด่าง แต่ละชนิด

หลังจากการล่อรากเสร็จแล้วก็คือ ขั้นตอนการในไปปลูกในดินปลูกแบบปกติต่อไป โดยไม่ต้องตัดแต่งราก หรือดึงวัสดุที่ติดอยู่กับรากออก เพราะรากที่ล่อ หรือชำนั้นค่อนข้างบอบบาง ไม่ควรมีการกระทบกระเทือนแบบรุนแรง เพราะอาจจะทำให้รากตายได้ จึงต้องควรเบามือ และใช้ความระมัดระวัง ดินปลูกที่ใช้ควรเป็นดินที่มีความชื้นอยู่ในตัว ไม่แห้ง

หลังจากปลูกเสร็จก็สเปรย์น้ำเล็กน้อย และวางไว้ในที่ๆ แดดร่ำไร ไม่ร้อน ให้เขาได้ค่อยๆ ปรับตัว หลังจากผ่านไปประมาณ 2 อาทิตย์ รากก็จะเดินดีแข็งแรง และถ้าหากสังเกตว่า ยอดเริ่มเดินแสดงว่า ระบบรากนั้นสมบูรณ์แล้ว ก็ค่อยนำไปเทรนแดด เพื่อเพิ่มความเข้มข้นของแสง และเลี้ยงตามปกติได้เลย

การรีวิวครั้งนี้ไม่ได้เป็นการฟันธงว่า วัสดุใดดีกว่ากัน แต่เป็นการทดลองเพื่อให้เห็นผลลัพธ์
โดยจะต้องมีการทดลองซ้ำกันหลายครั้งเพื่อเก็บสถิติที่ดีที่สุด


แต่อยากจะให้เป็นไอเดียในการเลี้ยงหรือปลูกต้นไม้ ว่าเรานั้น สามารถทดลองเพื่อหาผลลัพธ์ที่ดีสุด
“การเกษตร ก็คือการทดลอง บันทึก และนำมาวิเคราะห์ต่อ เพื่อต่อยอดให้ดีขึ้นไปอีก”

กระบองเพชร สกุล แมมมิลลาเรีย (Mammillaria ) การเลี้ยง และดูแล


ลักษณะของต้น

เป็นสกุลกระบองเพชรที่มีความหลากหลายของลักษณะ มีทั้งชนิดที่มีหนามแหลม และเป็นขนหนามอ่อนนุ่ม ลักษณะ โครงสร้าง ลำต้น มีเนื้อแกนกลาง แตกออกเป็นตุ่ม และมีหนาม หรือขนหนาม ที่ปลายตุ่ม ขนหมามมีทั้งสีขาว สีเหลืองทอง หรือออกโทนแดง แล้วแต่ชนิดของต้น ซึ่งตุ่มหนามแมมมิลลาเรียบางชนิด สามารถนำมาชำเพื่อขยายพันธุ์ได้ เช่น แมมขนนก

ช่องว่างระหว่างตุ่มหนาม โดยส่วนมากจะมีเป็นปุยขาวลักษณะคล้ายปุยนุ่นสำลีแทรกอยู่ ด้วยลักษณะของแมมมิลลาเรียที่ลำต้นมีเนื้อเยื้อแกนกลางลำต้นค่อนข้างน้อย และอ่อนนุ่ม ธรรมชาติของต้นจึงสร้างปุยขึ้นมาเพื่อปกป้องไม่ให้แกนลำต้นโดนแสงแดดมากเกินพอดี เมื่อเจริญเติบโตอายุมากจะแตกหน่อเป็นกอใหญ่ขยายขึ้นเรื่อยๆ

ลักษณะของดอก

แมมมิลลาเรีย สามารถออกดอกได้ตลอดทั้งปี ขึ้นอยู่กับความสมบูรณ์ของต้นและสารอาหารที่เพียงพอ แต่ฤดูที่มีดอกเยอะ เหมาะกับการขยายพันธุ์ที่สุดคือ ฤดูหนาว ลักษณะการออกดอกจะออกเป็นวงรอบ ต้นหรือหน่อครอบคล้ายลักษณะของมงกุฎ สีของดอกที่พบได้บ่อยคือ ขาว และชมพู ม่วง มีโทนออกแดงเข้มบ้าง แต่จะพบได้น้อยกว่า ดอกจะบานในช่วงตอน สายๆจนถึงเย็น และหุบ ระยะเวลาออกดอก 2-3 วัน ก็จะโรย

การขยายพันธุ์

เพาะเมล็ด ชำหน่อ ปาดยอดให้แตกกอ หรือ ออกหน่อเพิ่ม และมีในบางชนิดสามารถติดฝักได้เองโดยไม่ต้องผสม เช่น แมมพิกุล แมมนิโวซา ซึ่งสกุลแมมมิลลาเรีย จะมีไม้ที่เป็นลูกผสม หรือ ไฮปริด ( Hybrid ) ค่อนข้างเยอะ ซึ่งเป็นไม้ที่ได้จากการผสมข้ามชนิด จึงทำให้มีความหลากหลายในลักษณะของขนหนาม โดยลูกที่ออกมานั้น จะมีลักษณะเด่นของทั้ง 2 ชนิดผสมกัน

สภาพแวดล้อมและการเลี้ยงดู

แมมมิลลาเรียเป็นไม้ที่ชอบแดดค่อนข้างจัด 70-80 % ชั่วโมงแดดยาวนานต่อเนื่อง 6-8 ชั่วโมง หากเลี้ยงแสงแดดน้อยขนหนามจะกางออก เพื่อพยายามรับแสงมากขึ้น ที่ทำให้ขนหนามไม่แน่นฟู ฟอร์มต้นจะไม่กระชับ ต้นไม่สวยลำต้นยืดยาว ไม่กลมมน

เป็นกระบองเพชรที่ไม่ชอบความชื้นเยอะ ดินที่ใช้ปลูก ต้องโปร่ง ระบายความชื้น และอากาศภายในดินถ่ายเทได้ดี หากมีความชื้นสูงแต่เสี่ยงกับโรคเน่า หรือเชื้อราได้ สามารถเว้นระยะการรดน้ำได้นานกว่ากระบองเพชรชนิดอื่นๆ วิธีการดน้ำ คือให้รดจนชุ่มจนน้ำไหลออกรูก้นกระถาง รดน้ำครั้งถัดไปเมื่อดินแห้ง

และถ้าหากต้องการกระตุ้นการออกดอกจะใช้วิธีอดน้ำ เพื่อกระตุ้นสภาพการอยู่รอด จะช่วยให้กระตุ้นการออกดอก เพื่อขยายเผ่าพันธุ์ โดยการอดน้ำนานกว่าปกติที่เคยรด แล้วรดน้ำให้ชุ่ม ซึ่งต้องดูระยะการอดน้ำ และปรับตามสภาพแวดล้อมของแต่สถานที่เลี้ยง ซึ่งจะไม่การนับวัน หรือสูตรที่ตายตัว ซึ่งการใช้การกระตุ้นด้วยวิธีควรดูว่าต้นไม้แข็งแรง ไม่อยู่ในช่วงป่วย หรือพักฟื้น

อีกหนึ่งปัจจัยที่จะทำให้เลี้ยงแมมมิลลาเรียได้สวยก็คือควรจะมีโรงเรือน จะเป็นระบบเปิด หรือปิดก็ได้ แต่หากเลี้ยงเป็นระบบปิดควรจะมีระบบระบายอากาศภายในเพื่อป้องกันความชื้น หรืออากาศอบอ้าวภายในโรงเรือน ที่จะเป็นสาเหตุ ให้เน่าง่ายได้เหมือนกัน เนื่องจากแมมมิลลาเรียไม่เหมาะกับการเลี้ยงที่โดนฝนโดยตรง เพราะมีโอกาสที่จะทำให้ต้นเน่าหรือเชื้อราได้ง่าย ฉะนั้นการมีโรงเรือนจะทำให้การควบคุม อุณหภูมิ น้ำ และปรับแสงง่ายต่อการเลี้ยงดู

ลักษณะของดอก
โรค และศัตรูพืช

เพลี้ย, ไรแดง, ราที่เกิดจากความชื้นในช่วงฤดูฝน

บทความที่เกี่ยวข้องผสมเกสรแมมมิลลาเรีย (MAMMILLARIA) ง่ายๆ ให้ติด ฝัก นำไปเพาะเมล็ดด้วย ปลายพู่กัน >>คลิก<<

ดินคานูมะ Kanuma Soil ดินญี่ปุ่นสีเหลือง


ดินคานูมะ Kanuma Soil

ขนาด: 400 กรัม / ถุง
สถานะสินค้า : หมด


รายละเอียด

คุณสมบัติของดินจะมีความคล้ายกับ ดินอคาดามะ แตกต่างกันเรื่องดิน คานูมะ จะมีน้ำหนักเบา อุ้มน้ำและระบายความชื้นเร็ว เม็ดจะมีลักษณะกลมๆ เรียบเนียน สีดินจะออกเป็นสีครีม อมเหลือง นิยมใช้โรยหน้ากระถาง แคคตัส กุหลาบหิน และไลทอป
• ดินมีสารอาหารในตัวเอง ช่วยบำรุงต้นไม้
• เนื้อดินไม่แข็งจนเกินไป ทำให้ไม่เบียดโคนไม้ ใส่ได้ตั้งแต่ไม้เล็กจนถึงไม้โต ทำให้โคนไม้สวย
• สีของดินทำให้เราสังเกตความชื้นของดินได้ง่าย สะดวกในการสังเกตการให้น้ำ หรือความชื้นในดิน
• ดินญี่ปุ่นนั้นมีความโปร่ง จึงช่วยระบายความอับชื้นในดินได้ดี
• ใช้เป็นส่วนผสมดินปลูก ผสมดินปลูกไลทอป หรือจะใช้ล่อรากแคคตัส กระบองเพชร

ดินปลูก กระบองเพชร แคคตัส ไม้อวบน้ำ ดินปลูกต้นไม้ ดินพรีเมี่ยม ดินผสมพร้อมปลูก ดินปลูกพืช ออแกนิค


ดินผสมพร้อมปลูก กระบองเพชร ไม้อวบน้ำ ใช้ผสมดินปลูกไม้ใบ บอนสี บอนไซ สมุนไพร ไม้นำเข้า ไม้ออแกนิค MINI3GARDEN

ขนาด: 1 กิโลกรัม / ถุง
สถานะสินค้า : พร้อมส่ง

// Speacial offer //
พิเศษ ราคา 3 ถุง จาก 210 บาท
ลดเหลือ 200 บาท


รายละเอียดสินค้า

เราใส่ใจตั้งแต่การคัดสรรวัตถุดิบ ในการใช้วัสดุปลูกส่วนใหญ่เป็นวัตถุดิบนำเข้า และวัสดุปลูกคุณภาพ พร้อมผสมกับอินทรีย์วัตถุคุณภาพ หมักดินในระยะเวลาที่เหมาะสม เพื่อให้จุลินทรีย์ทำงานได้ดี และลดอุณหภูมิให้พอเหมาะพร้อมนำไปใช้ปลูก ดินที่ได้หลังจากการหมักจึงร่วนซุย และเย็น ทำให้รากของพืชชอนไช และดูดซึมสารอาหารได้ดี ลักษณะดินร่วน ระบายน้ำได้ดี เก็บความชื้นพอเหมาะกับการปลูก สูตรดินเป็นแบบออแกนิค ในส่วนผสมดิน ไม่มีส่วนผสมของยา หรือเคมีอันตราย

ดินปลูกพรีเมี่ยม (Premium Soil) สูตรของทางร้าน อุดมด้วยสารอาหารจำเป็นต่อการเจริญเติบโต มีปุ๋ยอินทรีย์ บำรุง ต้น ดอก ราก และแร่ธาตุต่างๆ ทำให้ต้นฟื้นตัวได้เร็ว ช่วยให้ยอดเดินดี รากเดินไว้ ต้นไม้สดใส โตไว ติดดอก และเราใช้พีสมอสนำเข้า เป็นส่วนผสมแทนการใช้ดินถุง หรือดินปลูกทั่วไป จึงช่วยลดโรคที่อาจจะมาพร้อมกับดิน ( ซึ่งพีทมอสเป็นที่ยอมรับว่า เป็นวัสดุปลูกที่ปลอดเชื้อ และสามารถส่งข้ามประเทศได้ )

สูตรดินถูกทดลองการปลูกจากหลากหลายสภาพอากาศ และสภาพแวดล้อมจนลงตัว ดินของเราจึงสามารถปลูกได้กับแสงแดด 40% หรือปลูกกลางแจ้งแบบแดด 100% **เพียงแค่ปรับการให้น้ำ ให้เหมาะสมกับแต่ละสภาพแวดล้ และสายพันธุ์

ดินสามารถปลูกกระบองเพชร ( แคคตัส ) ไม้อวบน้ำ ไม้นำเข้า ไม้อวบน้ำ ไม้โขด ไม้ทนแล้ง ได้หลากหลายชนิด และสายพันธุ์ ไม่ว่าจะเป็น กระบองเพชร ( แคคตัส Cactus ), กุหลาบหิน (Echeveria) , ฮาโวเทีย (Haworthia) , อากาเว่ (Agave) , บัวบกโขด , มะพร้าวทะเลทราย

และยังสามารถใช้ปลูกไม้ประเภทอื่นๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็นไม้ฟอกอากาศ พืชสมุนไพร ออแกนิค ไม้นำเข้า บอนสี อโลคาเซีย ไม้สะสม และต้นไม้ทั่วไป ด้วยคุณสมบัติของดินที่โปรง และไม่อมความชื้นจนดินแฉะ หากนำไปปลูกต้นไม้ที่ชอบความชื้น เพียงแค่ผสม เม็ดดินเผา หรือ กาบมะพร้าวสับ หินลาวา เพิ่

ส่วนผสมดิน ของ ดินปลูก พรีเมี่ยม MATEM by Mini3garden
พีทมอส ร่อนละเอียด ( นำเข้าจากฟินแลนด์ ) / หินภูเขาไฟเบอร์ 00 ( ศรีลาวา ) / เพอร์ไลต์ ( นำเข้าจากเนเธอร์แลนด์ ) / เวอร์มิคูไลท์ ( นำเข้าจากเนเธอร์แลนด์ ) / ทรายหยาบ / Coco Peat Plus วัสดุปลูกคุณภาพสูง ( ขุยมะพร้าวป่น ผ่านกรรมวิธีปรับค่า PH ให้เป็นกลาง ) / แกลบดำ / ปุ๋ยอินทรีย์ น้ำจุลินทรีย์ จากสัตว์

รีวิวสินค้า จากทางร้าน


รีวิวสินค้า จากคุณลูกค้า

เวอร์มิคูไลท์ (Vermiculite)


เวอร์มิคูลไลท์ นำเข้าจาก เนเธอร์แลนด์ (ดัชช์)

ขนาด: 2 ลิตร / ถุง
สถานะสินค้า : พร้อมส่ง


รายละเอียด

เวอร์มิคูไลท์ ใช้เป็นส่วนผสมดินปลูก แคคตัส กระบองเพชร ไม้อวบน้ำ กุหลาบหิน ไลทอป และใช้ปลูกพืชไร้ดิน อุดมไปด้วย ธาตุอาหาร โพแทสเซียม แมกนีเซียม และแคลเซียม ที่มีความจำเป็นกับพืช ช่วยเก็บกักความชื้นแบบพอเหมาะ และค่อยๆ ปล่อยอย่างช้าๆ ช่วยคุมอุณหภูมิในดินได้เป็นอย่างดี