“แสงแดด” กับการเลี้ยงกระบองเพชร (แคคตัส) ไม้อวบน้ำ


คำถามสำหรับคนที่เลี้ยงกระบองเพชร ไม้อวบน้ำ ตามมานอกเหนือจากการให้น้ำ  ก็คือเรื่อง “แสงแดด”
ที่เป็นปัจจัยหลักสำคัญอีกอย่างในการเลี้ยงและปลูกพืชวงศ์นี้ เพราะด้วยถิ่นกำเนิดที่มาจากพื้นที่แห้งแล้ง ทะเลทราย ที่มีแสงแดดส่องตลอดยาวนานทั้งวัน ตัวเขาเองจึงต้องการแสงแดดมากกว่าพืชชนิดอื่นๆ
       แต่แสงแดดที่ต้องการนั้น ก็ยังมีระดับความเข้มข้นแตกต่างกันตามสายพันธุ์อีกด้วย ฉะนั้นหากจะเลี้ยงหลากหลายสายพันธุ์ ก็ควรจะต้องมีความรู้ความเข้าใจในความต้องการแสงของแต่ละสายพันธุ์ เพราะในบางสายพันธุ์ เมื่อขาดแสง หรือได้ไม่เพียงพอ อาจจะมีผลกับลักษณะฟอร์มของต้น สี หรือแว็กซ์ที่เคลือบผิว

light_n_cactus2.jpg
ต้นนี้เคยถูกเลี้ยงในที่แสงน้อย ก่อนหน้านี้ฟอร์มคริสจะไม่ชัด ยืดยาว ไม่บิดเป็นเกลียว หลังจากปรับแสงฟอร์มต้นก็จะสวยขึ้น สีที่เป็นเอกลักษณ์ของตอบลูที่เป็นสีฟ้าและผิวแว็กซ์ก็เห็นเด่นชัด
light_n_cactus3.jpg
หลังจากพักฟื้น นำมาเทรนแดดใหม่ ผิวแว็กซ์ก็เพิ่มขึ้น
light_n_cactus4.jpg
หากเป็นไม้ที่ฟอร์มเสีย อาจจะต้องใช้ระยะเวลานาน กว่าที่ไม่จะไล่ฟอร์มกับมาใหม่

แล้วถ้าสถานที่ไม่อำนวย ไม่มีแสงตลอดวันจะเลี้ยงได้ไหม ?? 

คำตอบคือ ได้ แต่ก็จะส่งผลตามมาหลายๆ อย่าง อาทิเช่น การเจริญเติบโตที่ช้า ฟอร์มของต้นอาจจะไม่สวยตรงตามลักษณะสายพันธุ์ โอกาสเกิดโรคบางประเภทจะสูงกว่า การที่เลี้ยงแล้วให้ออกดอกจะมีโอกาสน้อย

แล้วแสงแดดแค่ไหนถึงพอที่จะเลี้ยงได้ ??

ถ้าสถานที่พร้อม มีที่รับแสงได้ยาวตลอดวัน ไม่ว่าสายพันธุ์ไหนก็สามารถเลี้ยงได้ แค่ปรับแสงให้เหมาะสมตามสายพันธุ์ แต่ถ้าเป็นใต้อาคาร บ้านเรือน มีแดดส่องไม่นาน อาจจะต้องเลือกสายพันธุ์ที่ ไม่มีผลกระทบเยอะเมื่อได้รับแสงน้อย  ชั่วโมงแดดอย่างน้อย ควร 3-4 ชม. / ต่อวัน ในกรณีที่สถานที่ไม่เอื้ออำนวย

44471222_1896431320652281_4001413604237639680_n
กระถางนี้เลี้ยงใต้ชายคาบ้าน ได้รับแสงเช้า 3-4 ชม. ต่อวัน ยังสามารถเลี้ยงได้ปกติ แต่การเจริญเติบโตอาจจะช้า

แล้วมีวิธีแก้ในการเลี้ยงที่แสงแดดไม่พอหรือไม่ ??

โดยส่วนมากก็จะนิยมยกนำไปวางในสถานที่ที่มีแสง หรือถ้าเป็นชายคาบ้าน อาจจจะต้องคอยหมุนตำแหน่งการวางเผื่อให้ต้นได้รับแสงทั่วทุกด้าน และในช่วงที่ฤดูเปลี่ยน แสงจะเปลี่ยนทิศ ตรงที่ที่วางเคยได้แดดอาจจะไม่มีแสง หรือแสงแรงเกินไป ควรต้องหาสถานที่วางใหม่ๆ ให้เหมาะสม
และในกรณีที่ยกไม้ไปตากแดดเพื่อรับแสง ก็มีข้อต้องระวังคือ อากาศที่เปลี่ยนแปลงกระทันหัน อาจจะทำให้ต้นไม้ปรับตัวไม่ทัน หรือถ้าหากพึ่งรดน้ำใหม่ๆ ควรงดยกไปตากแดดจัด เพราะจะมีน้ำขังอยู่ในดินเยอะ เมื่อเจออากาศร้อน จะเป็นเหมือนน้ำร้อน ที่จะต้มต้นไม้เราได้
และอีกหนึ่งวิธีที่นิยมใช้ก็คือ ใช้เป็นการเลี้ยงด้วยหลอดไฟ เฉพาะที่มีแสงเข้มข้น เพื่อทดแทนแสงจากดวงอาทิตย์

สุดท้ายแล้วสิ่งสำคัญของการเลี้ยง คือ การคอยเฝ้าสังเกต เพราะแสงแดดในแต่ละฤดูก็มีความแตกต่างกัน บางช่วงหน้าร้อน ตรงที่เคยวางแดดอาจจะแรงจนต้นไหม้ได้ หรือยิมโนบางต้น บางสายพันธุ์ สามารถเลี้ยงแดดแรง แดด100% ได้ แต่บางต้นนั้นอาจจะไม่สามารถทนแดดแรงได้ ผิวอาจจะแห้งกร้าน ทำให้เม็ดสีที่ผิวกระดำกระด่าง และความเข้มข้นแสงสถานที่เลี้ยง ไม่ว่าจะเป็นโรงเรือน หรือเปิดโล่งไม่พรางแสง ก็สามารถเลี้ยงได้ แต่ควรต้องเทรนแดดให้ไม้ค่อยๆได้ปรับตัวหลังจากการปลูก และดูตามความเหมาะสมของสายพันธุ์

“ขอแค่เข้าใจลักษณะสายพันธุ์ และปรับให้เขากับความเอื้ออำนวยของสถานที่
เพียงเท่านี้เรา และต้นไม้ก็จะมีความสุขไปด้วยกันได้” 

เลี้ยงกระบองเพชร (แคคตัส)ยังไง ให้ออกดอก?


ถ้าหากจะเลี้ยงให้ออกดอกนั้น มีปัจจัยหลายด้าน สภาพแวดล้อม และการดูแลที่เหมาะสม ถ้าขาดองค์ประกอบอย่างใดอย่างหนึ่ง ก็อาจจะทำให้ต้นไม่สมบูรณ์และออกดอกได้

• สายพันธุ์ ฤดูกาล และอากาศ

สายพันธุ์ของกระบองเพชรนั้นมีหลากหลาย ในแต่ละสายพันธุ์นั้นก็ออกดอกถี่ มากน้อยแตกต่างกัน ซึ่งปัจจัยหลักที่จะทำให้เขาออกดอก คือ ฤดูกาล หากเป็นฤดูที่ตรงช่วงออกดอกนั้น จะมีโอกาสออกได้บ่อยและมีปริมาณเยอะ หรือบางสายพันธุ์ออกดอกต่อเนื่องทั้งปี มีดอกมากน้อยตามฤดูกาล

บางสายพันธุ์ออกเป็นช่วงฤดูกาล หากหมดฤดูที่เป็นช่วงออกดอกแล้ว ก็จะไม่ค่อยมีดอกและพักตัว โดยส่วนมากจะพักตัวในช่วงฤดูหนาว เช่น สกุลยิมโน (Gymnocalycium) แอสโตร (Astrophytum) และจะมีดอกอีกครั้งในฤดูร้อน ส่วนพวกที่มีดอกเรื่อยๆ เช่น สกุล แมม (Mammillaria) จะมีดอกให้เห็นทั้งปี แต่จะมีช่วงที่ฟอร์มสวย และดอกสมบูรณ์มากสุดคือ ฤดูหนาว

• อายุของต้น และความสมบูรณ์

ถ้าเริ่มเลี้ยงจากต้นเล็ก อาจจะต้องรอและใช้ระยะเวลาให้เขาโตพอที่ออกดอก ซึ่งระยะเวลาไม่มีแน่นอน เพราะถ้าความสมบูรณ์ของต้นมีมากพอ แม้อายุไม่เยอะมากก็สามารถให้ดอกได้ แต่ก็เป็นสัดส่วนที่น้อยกว่า
โดยเฉลี่ยจากหลังจากเพาะเมล็ด 5-8 เดือน และนำมาเลี้ยงต่อแบบปกติ โดยประมาณอายุไม้ 2-4 ปีขึ้นไปถึงจะมีโอกาสที่จะเริ่มออกดอก หรือถ้าเป็นไม้บางสายพันธุ์ ขนาดที่โตแล้ว ราว 4-6 ซม. ก็เริ่มเป็นขนาดต้นที่มีโอกาสที่จะออกดอกได้แล้ว (หรือที่นิยมเรียกกันว่า ขนาดแม่พันธุ์ เพราะสามารถมีดอก เพื่อใช้ผสมเกสรได้)

• แสงแดดที่เหมาะสมกับสมสายพันธุ์

ในการเลี้ยงที่ให้ออกดอก แสงแดดนั้นมีส่วนสำคัญมากที่สุด หากต้นที่เลี้ยงได้รับแสงแดดที่เพียงพอ ไม่ว่าจะเป็นความเข้มข้น และระยะเวลาที่ได้รับแสงแดดต่อเนื่องต่อวัน เมื่อมีปัจจัยทุกอย่างครบ ความสมบูรณ์ของต้นเพียงพอ กระบองเพชรจะสามารถมีดอก และออกดอกได้อย่างต่อเนื่อง

• สารอาหารที่ได้รับเพียงพอ

ต้นไม้ทุกชนิดที่เลี้ยงในกระถางนั้น เขาไม่มีโอกาสที่จะหาอาหารได้เอง สิ่งสำคัญที่จะทำให้เขาสมบูรณ์แข็งแรงก็คือ การได้รับสารอาหารที่เพียงพอจากการให้เสริมเพิ่ม หรือเมื่อใช้ดินปลูกไปเป็นระยะเวลานาน ก็ควรต้องเปลี่ยนดินให้ใหม่ เพราะเมื่อปลูกไม้กระถางนานๆ สารอาหารที่อยู่ในดินถูกใช้ไปเรื่อยๆ อาจมีโอกาสลดลงหรือหมด ทำให้การเจริญเติบโตที่สมบูรณ์ลดน้อยลง

ซึ่งธาตุอาหารหลักที่จำเป็นต่อ กระบองเพชร และต้นไม้ทุกประเภท ก็คือ N P K ไนโตรเจน ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม ซึ่งค่ากลาง หรือ P (ฟอสฟอรัส) นั้น เป็นธาตุ ที่ช่วยเรื่องการออกดอก ติดดอกได้ดี หากต้องการเลือกปุ๋ยที่ช่วย หรือเน้นเรื่องดอก ให้ดูที่ค่ากลางสูงกว่าค่าอื่นๆ

ส่วนที่ร้านเราไม่ใช้สารเคมี เป็นเกษตรอินทรีย์ จะใช้เป็นปุ๋ยอินทรีย์ที่มาจาก มูลค้างคาว ซึ่งในมูลค้างคาวน้้น มีค่าธาตุอาหารที่จำเป็นต่อพืชครบทุกตัว และมีค่า ฟอสฟอรัส ที่สูงจึงช่วยเรื่องการออกดอก และถ้าหากใช้ในไม้ผล ก็จะช่วยเรื่องขั้วเหนี่ยว

คำถามที่พบบ่อยๆ เกี่ยวกับ การออกดอกของกระบองเพชร (แคคตัส)

– กรณีที่ดอกกำลังจะบาน ไม่บานฝ่อไป หรือบานได้ไม่สุดนั้น อาจจะเป็นเพราะช่วงที่กำลังจะบานนั้น แสงแดดที่ได้รับอาจจะไม่เพียงพอ
– กรณีที่มีตุ่มดอกออกมาแล้วหลุดไป อาจจะเป็นเพราะ น้ำ อาหาร แสงแดดที่เป็นปัจจัยหลัก ถูกชะงักไป กระบวนการที่ต้องใช้พลังงานเยอะในช่วงออกดอก ไม่สามารถทำได้ต่อเนื่อง

ทำปุ๋ยจาก “เปลือกไข่” ฟรี!! แถมมีประโยชน์มากมาย



ของเหลือใช้ที่มีอยู่กันแทบจะในทุกครัวเรือน ก็คือ เปลือกไข่ไก่ ที่ใช้แล้ว เจ้าเปลือกไข่นี้ มีประโยชน์กับต้นไม้มากมาย เปลี่ยนจากการทิ้งลงขยะ มาเป็นการเก็บและแปรรูป ทำเป็นปุ๋ยอินทรีย์ ที่จะช่วยบำรุงต้นไม้ของเรากันดีกว่า
จากผลการวิจัยของหลายๆ สถาบัน พบว่า ในเปลือกไข่นั้น อุดมไปด้วย แร่ธาตุแคลเซียม ที่เป็นประโยชน์กับต้นไม้ และเมื่อนำไปผ่านความร้อน ก็จะให้เกิด กำมะถัน ที่เป็นจะตัวช่วยไล่แมลง ที่มารบกวนกัดกินต้นไม้ได้

แคลเซียม เป็นธาตุรอง ที่ความจำเป็นสำหรับพืช นำไปใช้เพื่อการสร้างการเจริญเติบโตในตัวพืช มีหน้าที่เกี่ยวกับโครงสร้างของผลไม้ ช่วยเสริมสร้างเซลล์ และการแบ่งเซลล์ของพืช ซึ่งพืชต้องการอย่างต่อเนื่อง และยังช่วยส่งเสริมการนำธาตุไนโตรเจนมาใช้ให้เป็นประโยชน์มากขึ้น ในระยะออกดอก และระยะที่สร้างเมล็ดพืชจะมีความจำเป็นมาก เพราะธาตุแคลเซียมจะมีส่วนในการเคลื่อนย้ายและเก็บรักษาคาร์โบไฮเดรตและโปรตีนในพืช เพื่อนำไปใช้ในการสร้างผล และเมล็ดต่อไป

จากการทดลองของเราที่ใช้เปลือกไข่กับ ต้นกระบองเพชร พบว่า ช่วยไล่มดบางประเภทได้จริง และที่สำคัญคือ ช่วยบำรุงต้นไม้การติดดอก ออกดอกถี่ และความสมบูรณ์และฟอร์มของต้น

    ซึ่งเจ้าเปลือกไข่นี้ สามารถใช้ได้กับต้นไม้ทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นไม้ดอก ไม้ผล ไม้ประดับ


แล้ววิธีนำ “เปลือกไข่” มาใช้ต้องทำอย่างไร???
Shellegg_Organic_fertilizer2.jpg
  1. เริ่มจากกการเก็บเปลือกไข่ที่ใช้แล้ว รวบรวมไว้ในที่ๆ อากาศถ่ายเทดี เมื่อมีปริมาณมากพอประมาณ ก็นำมาตากแดดซ้ำอีกทีเพื่อให้แห้งสนิท
  2. ถ้าต้องการไล่แมลง ให้นำเปลือกไข่ที่ตากแดดแล้ว มาคั่วในกระทะอีกครั้ง การที่เปลือกไข่ ผ่านความร้อนสูง จะทำให้เกิด กำมะถัน ที่จะช่วยไล่แมลงรบกวนได้
  3. หลังจากได้เปลือกไข่ที่แห้งแล้ว ก็นำมาป่นให้ละเอียด โดยใช้เครื่องปั่น ปั่นละเอียด หรือจะใช้วิธีการตำ เก็บใส่ภาชนะที่สะอาด แห้งไม่อับชื้น
วิธีเอา “เปลือกไข่ป่น” ไปใช้กับต้นไม้???
  • ใส่บริเวณโคนต้นได้ โดยตรง ปริมาณ 1 ช้อนชา โดยประมาณ ต่อกระถาง 3 นิ้ว
  • ใช้ผสมกับปุ๋ยอย่างอื่น เพื่อทำเป็นปุ๋ยหมัก
  • ใช้ผสมน้ำไว้ 1 คืน แล้วนำมารดโคนต้น น้ำจะช่วยดึงประสิทธิภาพการไล่แมลง
  • ใช้เป็นส่วนผสมในการทำน้ำหมักจุลินทรีย์ต่างๆ ได้
  • ใช้ผสมดินปลูกเพื่อช่วยเพิ่มแร่ธาตุ

 ส่วนทางร้านจะนำมาผสมกับ มูลค้างคาว อัตรา 1 : 1 ใส่บริเวณโคนต้น เพื่อช่วยบำรุงต้นไม้

อยากทำโรงเรือน กระบองเพชร (แคคตัส) ต้องเริ่มอย่างไร แบบโรงเรือนแบบไหนดี ??


หลายคนพอเริ่มปลูก เจ้ากระบองเพชร หรือ แคคตัส (Cactus) ไม้จำพวกสกุลไม้อวบน้ำ ไว้จำนวนมาก ก็เริ่มอยากมองหา “โรงเรือน” เพื่อเก็บและดูแลรักษาไม้ให้ดีขึ้น ซึ่ง โรงเรือนกระบองเพชร นั้น ก็มีหลากหลายรูปแบบ และใช้ได้หลากหลายวัสดุ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับ งบประมาณที่ใช้ในการทำ

โรงเรือนขนาดเล็กแบบเคลื่อนย้ายได้ หรือจะเป็นโรงเรือนชั่วคราว โรงเรือนถาวร โรงเรือนสำเร็จรูป ล้วนแต่ต้องมีปัจจัยในการทำ ซึ่งปัจจัยนั้นก็ขึ้นอยู่แต่ละเป้าหมายและลักษณะการเลี้ยงของแต่ละบุคคล ว่า เลี้ยงเพื่อสวยงาม หรือเลี้ยงเพื่อต้องการจำหน่าย

สิ่งที่ต้องคำนึงถึงเมื่อต้องการทำโรงเรือนมีอะไรบ้าง ?? 

  • งบประมาณ วัสดุที่เลือกใช้นั้น ย่อมตามมาด้วยงบประมาณ
  • สถานที่ตั้ง รูปแบบ ความเหมาะสม ขนาดที่จะทำให้เหมาะกับพื้นที่
  • ทิศทางของ สภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวยกับการเจริญเติบโต แสงแดดที่ได้รับเพียงพอ อากาศที่ถ่ายเทเพื่อป้องกันการเกิดโรค
  • สายพันธุ์ที่เลี้ยง รูปแบบการเลี้ยง การดูแลของแต่ละคน ซึ่งมีผลต่อการดูแล

รูปแบบโรงเรือน โดยที่นิยมทำคือ แบบเปิด และแบบปิด
ซึ่งถ้าหากเป็นลักษณะโรงเรือนเปิด ก็มีทั้งเปิดข้าง 100% หรือ ลดทอนตามความชอบผู้สร้าง หรือสภาพแวดล้อม ซึ่งการจะเลือกทำโรงเรือนแบบเปิด หรือปิดนั้น ให้ดูสภาพแวดล้อมที่ตั้งของโรงเรือน และลักษณะการเลี้ยง หรือประเภทไม้ที่เลี้ยง

วัสดุที่นิยมนำมาใช้เป็นโครงสร้าง ก็มีหลากหลายแบบขึ้นอยู่ว่า เราจะทำแบบชั่วคราว หรือถาวร มีทั้งเหล็ก ไม้ และเป็นท่อพีวีซี หรือท่อเหล็ก ที่เป็นแบบต่อเชื่อมกัน

วัสดุที่ใช้เป็นหลังคา หรือมุงผนังโรงเรือน

มีหลากหลายแบบ ความคงทนก็ขึ้นอยู่กับวัสดุ ที่เลือกใช้
ผ้าใบพลาสติก ราคาไม่สูงมาก ติดตั้งง่าย สามารถทำได้ด้วยตัวเอง รื้อถอน ปรับเปลี่ยนง่าย แต่อายุการใช้งานก็จะสั้น ต้องคอยเปลี่ยนเมื่อขาดและชำรุด ไม่ทนต่อแรงลม

แผ่นเมทัลชีทใส ต้องใช้ความชำนาญในการปู ลักษณะเป็นลอน ช่วยบังคับทิศทางน้ำได้ดี ทนทานอายุการใช้งานนาน ใช้ไปนานๆ จะมีสีขุ่นขึ้น เหมาะกับโรงเรือนประเภทถาวร

แผ่นโพลีเอสเตอร์ใส ต้องใช้ความชำนาญในการปู ลักษณะเป็นแผ่นเรียบ มีทั้งแบบเป็นลอนลูกฟูกและแบบตัน ราคาค่อนข้างสูง ใช้ไปนานๆ จะมีสีขุ่นขึ้น เหมาะกับโรงเรือนประเภทถาวร ทนทานอายุการใช้งานนาน

แผ่นอะคริลิคใส ต้องใช้ความชำนาญในการปู ลักษณะเป็นแผ่นเรียบ เหมาะกับโรงเรือนถาวร ทนทาน ไม่ขุ่นมั่วเมื่อใช้งานนาน แข็งแรง แต่ราคาสูง

แผ่นกระจก ต้องใช้ความชำนาญในการปู ลักษณะเป็นแผ่นเรียบ เหมาะกับโรงเรือนถาวร ทนทาน ไม่ขุ่นมั่วเมื่อใช้งานนาน แต่ราคาสูง

แล้วรูปแบบโรงเรือนแคคตัส มีแบบไหนบ้าง??
3df66cfa757ae2f2d25b3f9f83ec9eaf
โครงสร้างทำจากไม้ เป็นลักษณะ ลอยตัว มุงด้วยแผ่นพลาสติก
5ad97d9ca755960c8059b2eadec3de8c
โครงสร้างไม้ ติดตั้งถาวร ใช้เป็นกระจก หรืออะคริลิกใส ปลูกแบบลงดิน
67d81b0d56cee449df9ad72c39a7de7d
ใช้ผนังบ้าน เป็ตัวช่วยยึดโครงสร้าง
92c17ccfb37e8d0d6069e3ffe519bb8c
ด้านข้างมุงด้วยกระจกใส และด้านบนพรางแสงด้วยหลังคาขุ่น
93cdd930a0bf9eccf3ba886b37605434
โครงสร้างไม้ พื้นใช้หินโรย มุงด้วยแผ่นพลาสติกขุ่น
5841a172aa605806765402b5046ee564
ใช้ท่อพีวีซีทำโรงเรือน มุงด้วยพลาสติก ปรับเปลี่ยนได้ง่าย
560fef18f82cb5e66cba6371bd854cb9
เหมาะกับบ้านที่พื้นที่น้อย ใช้ด้านข้างบ้านเป็นตัวยึดโครงสร้าง
1110616bdd3f7e5207b24eef437b1b1a
acc03ff13bc5b5ef541ae6a68aeb8fe4
b8b7e8963d5901c543b8eb321529e506
c9d78cdba2dec8135c3135822194c5bb
dc85ba6fb9a441203475eda2e24d74b8
ea8531dd13e29295b78050a681dba683
f1e12a498821295b50939d691fde2cea
f26981d350a25cc680406ad7d45a0b2d


สิ่งสำคัญในการทำโรงเรือนคือ ตำแหน่งที่วางต้นไม้ในโรงเรือน เพราะบางพื้นที่จำกัด ไม่สามารถสร้างแบบลอยตัวได้ อาจจะต้องมีมุมบ้านบัง การได้รับแสงแดด จะไม่ได้ทั่วทุกองศา การเลือกไม้วางแต่ละตำแหน่งเพื่อให้เขาได้รับแสงแดดเพียงพอ ให้เหมาะแต่ละสายพันธุ์ การวางที่ไม่แน่นจนเกินไป เพื่อให้อากาศในโรงเรือนถ่ายเทได้ดี ความแออัด หรือการวางแนวตั้งปริมาณเยอะมาก อาจทำให้ไม้ได้รับแสงไม่เพียงพอ เกิดความชื้นสะสม หรือต้นยืดยาวหาแสง ลองหาความพอเหมาะแล้วปรับให้เข้ากับไม้และผู้เลี้ยงเพียงแค่นี้ก็จะทำให้มีความสุขทั้งต้นไม้และผู้เลี้ยง

ขอบคุณรูปภาพ : Pinterest / Instagram
เรียบเรียง / บทความ : Mini3garden

ชำหน่อ กระบองเพชร(แคคตัส) ง่ายๆ ด้วยเม็ดดินเผา (Popper)


spilt_cactus

การชำหน่อ กระบองเพชร (แคคตัส) สามารถชำลงในดินปลูก หรือวัสดุอื่นๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็น ดินญี่ปุ่น หินภูเขาไฟ หรือเม็ดดินเผา แต่ข้อดีของการชำด้วยเม็ดดินเผา ก็คือ เรื่องการรักษาความชื้นที่เก็บได้ดี วัสดุโปร่ง ทำให้ควบคุมการให้น้ำได้ง่าย เพราะในช่วงที่ชำหน่อนั้น ไม้ต้องการความชื้นมากกว่า ตอนที่ปลูกตามปกติ เพื่อกระตุ้นในรากนั้นงอกออกมาง่ายและเร็ว

การชำหน่อด้วยเม็ดดินเผา สามารถทำได้โดยใช้เม็ดดินเผา ล้วนหรือจะผสมกับหินภูเขาไฟ เบอร์ 00 ได้ทั้ง 2 แบบ

สิ่งที่ต้องระวังและดูแลในการชำแบบนี้คือ

  • การรักษาความชื้นและแสงแดดให้เหมาะสม
  • หน่อที่นำมาล่อรากควรจะต้องสมบูรณ์
  • หลังจากเด็ดหน่อมากแล้ว ควรพักไว้สัก 7-10 วันก่อน นำมาชำเพื่อให้แผลที่เด็ดมากนั้นปิดและแห้ง เพื่อป้องกันการเน่า

วิธีการชำหน่อ
     หลังจากผึ่งหน่อไว้จนแผลที่เด็ดแห้งแล้ว ก็นำมาใส่ในเม็ดดินเผา ที่มีหินภูเขาไฟผสมเล็กน้อย หรือจะเป็นเม็ดดินเผาล้วนโดยนำภาชนะก้นปิด ไม่มีรู ใส่ลงไปให้สูงจนเต็มภาชนะ หลังจากนั้นใส่น้ำไว้ครึ่งหนึ่งของภาชนะ ควรเป็นภาชนะที่ใส เพื่อจะได้มองเห็นระดับน้ำ
นำต้นไม้วางลงบนเม็ดดินเผาให้รากฝั่งลงไป และยกโคนต้นให้เหนือเม็ดดินเผา ความชื้นจะค่อยๆ ระเหย หมั่นค่อยเติมน้ำเมื่อแห้ง ระดับน้ำครึ่งหนึ่งของภาชนะเหมือนเดิม เลี่ยงการวางกลางแดด วางไว้ที่แดดอ่อนๆ หรือชายคาบ้าน

 เมื่อชำหน่อไปได้สักระยะ จนเห็นว่า ยอดเดินแล้ว เป็นสัญญาณบอกว่า ไม้นั้นมีรากงอกออกมาแล้ว สามารถนำไปปลูกลงดินปลูกกระบองเพชรได้ตามปกติ 

spilt_cactus3.jpg

ในการนำไปปลูกควรจะต้องระวังและเบามือ เพื่อป้องกันไม่ให้รากที่งอกออกมานั้นขาด และต้องนำลงปลูกทันทีที่นำออกจากการชำราก เพราะรากนั้นยังอ่อนแอ อาจจะทำให้รากแห้งและต้นขาดน้ำได้

spilt_cactus4.jpg

ข้อดีของการชำหน่อด้วย เม็ดดินเผา หรือป๊อบเปอร์ คือ เราไม่ต้องรดน้ำบ่อย เพื่อรักษาความชื้น และรากจะมาค่อนข้างเร็ว สามารถนำมาใช้ซ้ำๆ ได้หลายครั้ง หลังจากใช้เสร็จ ก็นำพึ่งแดดให้แห้งสนิทและเก็บไว้ใช้งานได้อีก หรือจะทำเป็นถาดแช่ไว้ เมื่อมีหน่อก็สามารถนำมาชำต่อได้เรื่อยๆ
แต่ข้อที่ด้อยกว่าการชำลงดินคือ ในการชำลงดินนั้นรากอาจจะมาช้ากว่าเม็ดดินเผา แต่รากจะแข็งแรง และปลูกต่อได้เลย โดยไม่ต้องย้ายมาลงปลูกใหม่

หลังจากนำไม้ลงปลูกแล้วก็ดูแลเหมือนการปลูกต้นไม้ทั่วไป
>> การดูแล กระบองเพชร (แคคตัส) ไม้อวบน้ำ หลังจากการเปลี่ยนกระถาง <<

หลังจากดูแลเลี้ยงดู ใส่ปุ๋ยบำรุง ได้รับแสงแดดที่เพียงพอ เจ้าหน่อเล็กก็พร้อมออกดอก แต่หน่อต่อไป 
————————————-

การดูแล กระบองเพชร (แคคตัส) ไม้อวบน้ำ หลังจากการเปลี่ยนกระถาง


cactus_care.jpg

หลายคนกังวลกับ การเปลี่ยนกระถาง กระบองเพชร (แคคตัส) ไม้อวบน้ำ ว่าจะทำให้ต้นไม้ตาย แต่จริงแล้วการเปลี่ยนกระถางนั้น เป็นเรื่องง่ายมาก ถ้าเราค่อยๆ ทำตามขั้นตอนของธรรมชาติของต้นไม้ ลักษณะของต้นไม้นั้นก็ไม่ต่างจากคน

ถ้าจะเปรียบให้เห็นภาพก็คือ ในวันที่เรายังอ่อนแอ หรือป่วย เราอยากอยู่นิ่งๆ ไม่อยากกินอะไรเยอะ ไม่อยากโดนแดดอยากนอนนิ่งๆ เฉย นั้นเป็นเพราะกลไกร่างกาย ต้องการทำการพักฟื้น ต้นไม้ก็เช่นเดียวกัน

แล้วสิ่งที่ควรจะต้องทำหลังเปลี่ยนกระถาง มีอะไรบ้าง??

หลังจากเปลี่ยนกระถาง งดให้น้ำต้นไม้ 3-5 วัน เพื่อให้ระบบรากมีเวลาฟื้นฟูก่อน
การที่รดน้ำโดยที่รากยังไม่พร้อมทำงาน จะเป็นภาระกับรากอย่างมาก ยิ่งถ้าดินที่ใช้ปลูกไม่โปร่งมากพอ โอกาสที่น้ำจะระบายได้ไม่ดี เกิดความชื้นเยอะ ยิ่งมีความเสี่ยงมากที่จะหมักหมม และเป็นเหตุให้รากเน่าได้ ซึ่งจะเป็นอาการที่เกิดในระบบราก อยู่ในกระถาง ทำให้เราไม่สามารถสังเกตได้ และรู้อีกทีคือ เกิดอาการเน่าล่ามขึ้นมาที่ต้น หรือไส้แก่นกลางต้น

** ซึ่งดินที่ปลูกนั้น ก็ควรจะมีความชื้นที่พอเหมาะ โดยส่วนมาก ในวัสดุปลูกนั้น จะมีความชื้นอยู่ในตัวอยู่แล้ว ถ้าเป็นการผสมใหม่และปลูก ความชื้นก็ค่อนข้างพอดี แต่ถ้าวัสดุเก็บไว้นานจนแห้งไม่มีความชื้นเลย แนะนำให้ใช้เสปรย์น้ำ ฉีดน้ำบางๆ เพื่อเพิ่มความชื้น เพราะถ้าความชื้นน้อยเกินไปรากอาจจะแห้งและตายได้

ฉะนั้นความชื้นที่พอเหมาะของดินในการปลูกไม้ หรือเปลี่ยนกระถางนั้นสำคัญและควรควบคุมให้เหมาะสม

การปรับแสงแดดให้เหมาะสมกับระยะการปลูก หรือเปลี่ยนกระถาง
หลังจากเปลี่ยนกระถาง ต้นไม้จะยังอ่อนแอ แดดที่ใช้ควรเป็นแดดร่ำไรให้ต้นไม้ค่อยๆ ได้ปรับตัว แดดประมาณ 30-40% หากเป็นสแลน ก็ใช้เป็นการทบ 2-3ชั้น ตามความหนาบางของสแลน หรือจะวางไว้บริเวณชายหลังคาที่มีแสงแดดส่องถึง แต่อุณหภูมิไม่สูง อากาศไม่ร้อน มีลมถ่ายเทได้ดี เมื่อสังเกตว่า ยอดเริ่มเดินแล้วค่อยๆ ปรับความเข้มข้นของแดดเป็น 50-60% หลังจากนั้นเมื่อเห็นว่า ต้นไม้แข็งแรงดีแล้ว ก็ปรับการเลี้ยงตามปกติตามลักษณะสายพันธุ์ ที่มีความต้องการแสงแดดที่ต่างกัน

ลักษณะการขยายตัว ตรงปลายสุดของต้นที่งอกขึ้นมาใหม่ โดยสีจะอ่อนๆ แสดงว่าระบบรากเดินแล้ว และทำงานได้ดีแล้ว พร้อมที่จะปรับสภาพการเลี้ยงดูตามปกติ
—————————————————–
ขั้นตอนหรือวิธีการเปลี่ยนกระถางหรือลงปลูกใหม่ของกระบองเพชร (แคคตัส) ไม้อวบน้ำนั้น
อ่านขั้นตอนและวิธี >> คลิก <<

เปลี่ยนดินตัดแต่งราก เพื่อฟื้นฟูกระบองเพชรต้นเหี่ยว โคนต้นยุบ ต้นไม้ไม่สดใส เพราะเกิดจากระบบรากมีปัญหา


sick

ต้นที่มีปัญหานั้น เป็นผลที่เกิดจากการลืมรดน้ำเป็นระยะเวลาหลายเดือน ติดกัน มีเพียงน้ำจากละอองฝนบ้าง ทำให้ต้นกระบองเพชร ที่เคยสดใส เหี่ยวแห้ง ไม่โต แต่ไม่ตาย เหมือนการเจริญเติบโตหยุดชะงัก

อาการเหล่านี้เทียบได้กับการที่ต้นไม่ได้รับน้ำเพียงพอ ในกรณีที่ใช้การฉีดพ่นน้ำ แต่ไม่ได้รดน้ำจนถึงราก จนทำให้รากตาย รากฝอยแห้งและหลุดออก เหลือเพียงรากแก้วทำงาน

sick4.jpg   

 ในกรณีนี้ต้นยังมีสภาพที่พอฟื้นฟูได้ง่าย เพราะอาการยังไม่รุนแรงมาก ใช้เป็นวิธี ตัดแต่งราก โดยตัดเล็มปลายรากที่ตายทิ้ง กระตุ้นให้ต้นสร้างรากใหม่ที่แข็งแรงขึ้นมา โดยหลังจากตัดแต่งรากแล้ว และรอให้แผลแห้งสนิท ก็นำลงปลูกใน ดินปลูกกระบองเพชร ได้เลยโดยดินนั้นควรมีความชื้นพอเหมาะอยู่แล้วไม่แห้งไป หากดินแห้งมากให้ฉีดละอองน้ำเพิ่มความชื้นเล็กน้อย ก่อนนำมาปลูก

หลังจากลงปลูกควร งดรดน้ำ 4 – 5 วัน เพื่อให้ระบบรากได้ฟื้นฟู ในระหว่างนี้ให้เลี้ยงในแดดร่ำไร งดวางไว้ที่แดดจัด เพราะระบบรากยังไม่แข็งแรงอาจจะทำให้ตายได้

>>วิธีดูแลต้นกระบองเพชร ไม้อวบน้ำ หลังจากลงปลูก หรือเปลี่ยนกระถาง<<

ใช้ระยะเวลาประมาณ 2 สัปดาห์ ต้นที่เหี่ยวก็จะฟื้นฟูขึ้นมาเหมือนเดิม โดยทั้งนี้ระยะเวลาไม่แน่นอน ขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อม ตัวไม้เอง และดินที่ใช้ปลูกที่จะช่วยให้ไม้ฟื้นตัวได้เร็ว ดินที่ใช้เป็นดินสูตรของเรา #mini3garden

sick3.jpg

พัฒนาการหลังจากการปลูกลงดินใหม่

————-
ส่วนในกรณีที่ต้น เหี่ยว และยุบตัวมาก
แนะนำให้ใช้การฟื้นฟูด้วย เม็ดดินเผา ป๊อบเปอร์ (Popper)ก่อนนำลงปลูก
>> ดูวิธีการใช้เม็ดดินเผา ฟื้นฟูต้นเหี่ยว <<

cactus-sick6

5 ขั้นตอนง่ายๆ ในการปลูก หรือเปลี่ยนกระถาง แคคตัส กระบองเพชร ไม้อวบน้ำ


cactus_plant_step

สิ่งของที่ต้องเตรียม ในการปลูกกระบองเพชร หรือเปลี่ยนกระถางให้กระบองเพชร (แคคตัส)

🔹 อุปกรณ์ปลูก 
• ช้อนตักอันนี้แล้วแต่ความสะดวก และความถนัด หรือของที่มี จะช้อนพลาสติกที่ตักดินเฉพาะ หรือที่ตักอเนกประสงค์
• แปรงปัด ถือเป็นอุปกรณ์เสริม แต่สามารถช่วยอำนวยความสะดวกได้ดี คือเอาด้ามไว้ใช้กด หรือแต่งดิน เสร็จแล้วก็ใช้ส่วนแปรงในการทำความสะอาดเก็บงาน

🔹 วัสดุปลูก
หินรองก้นกระถาง — หินภูเขาไฟ 02
ดินผสมพร้อมปลูกกระบองเพชร — ดินปลูก
กระถาง — ตามภาพเป็นกระถางขนาด 2 นิ้ว
หินโรยหน้ากระถาง — สามารถเลือกใช้ได้หลากหลาย ไม่ว่าจะใช้เป็นหิน หรือดินญุี่ปุ่น อคาดามะ หินลาวาดำ


— 🌵🍀 ขั้นตอนการ ปลูก หรือเปลี่ยนกระถาง สไตล์ Mini3garden  🌞 —

• ควรตัดแต่งราก และทิ้งไว้ให้แผลแห้ง ก่อนปลูก ซึ่งจะใช้เวลาเตรียม 3-7 วัน >> วิธีการตัดแต่งราก <<
• ลักษณะดินปลูก ควรมีความชื้นเล็กน้อย ถ้าหากดินแห้งให้สเปรย์น้ำใส่ดินปลูก ก่อนใช้งาน
• หลังจากปลูก งดให้น้ำ ประมาณ 3-5 วัน เพื่อให้รากไม้ฟื้นตัว >> วิธีดูแลหลังจากการปลูก <<

วิธีการปลูกลงกระถาง
1. ลองวัดขนาดต้น และความเหมาะสมของกระถางที่จะใช้
2. ใส่วัสดุรองก้นกระถาง // หินภูเขาไฟ 02
3. ใส่ดินผสมพร้อมปลูก และต้นไม้ เว้นที่ด้านบนเพื่อโรยหินประคองต้น
4. โรยหินเพื่อประคองต้น และกันดินกระเด็นเวลารดน้ำ
5. เก็บงานด้วยแปรง ปัดดิน ส่วนที่เกินออก


ขั้นตอน การปลูก เปลี่ยนกระถาง กระบองเพชร แคคตัส

ในวีดีโอ วัสดุรองก้นที่ใช้จะเป็นขี้ตากระถาง หากทั่วไปก็จะใช้เป็น หินภูเขาไฟ เบอร์ 02 / 3S หรือวัสดุอื่นๆ ตามแต่สะดวก

คำแนะนำหลังจากซื้อแคคตัส กระบองเพชร ไม้อวบน้ำ และพาต้นใหม่เข้าบ้าน ควรทำยังไงบ้าง??


🌵☘️ หลังจาก #ซื้อไม้มาและพาไม้ใหม่เข้าบ้าน มาฝากค่ะ ว่าควรทำยังไงบ้าง?? 😀
•••• 📦🌵 หากเป็นการสั่งซื้อ แคคตัส กระบองเพชร ไม้อวบน้ำ ทางออนไลน์ และถ้าทางร้านส่งเป็นแบบถอดกระถาง ขั้นตอนก็จะไม่เยอะ เพราะทางร้านจะเคาะดิน และล้างรากแล้ว หรือบางร้านก็จะตัดแต่งรากมาให้พร้อม
.
เราก็แค่วางไม้ไว้ในที่ๆ อากาศถ่ายเท ให้ไม้ได้ปรับตัวสัก 2-3 วันกับสภาพแวดล้อมใหม่ แล้วก็นำไปปลูกได้เลย
และคำแนะนำเสริมอาจจะใช้น้ำผสมปูนขาวอ่อนจางๆ พ่นทิ้งไว้ เพื่อช่วยฆ่าเชื้อหรือโรคที่อาจจะมีติดมากับต้น

ส่วนในกรณีแบบที่ซื้อต้นไม้มาทั้งกระถาง 
พักไว้ให้ปรับสภาพแวดล้อมใหม่สัก 2 – 3 วัน และที่สำคัญควรวางไม้ในพื้นที่เฉพาะ☢️☣️ เพื่อป้องกันโรคติดต่อที่อาจจะมีมากับต้นใหม่ ( ในกรณีที่มีไม้ปลูกไว้อยู่แล้ว ) ควรวางแยกกับไม้ที่เราปลูกไว้ในที่ๆ ห่างกัน เพราะในบางคร้้งอาจจะมีโรคติดต่อที่อยู่ในกระถางที่ซื้อมาใหม่ ซึ่งอาจจะมาติดกับต้นไม้ของเดิมที่เราปลูกไว้

แนะนำให้นำรื้อกระถางต้นที่ซื้อมาใหม่ และนำปลูกใหม่ ด้วยสาเหตุดังนี้.
🤢 – เราไม่รู้ว่าดินที่อยู่ในกระถางนั้น ใช้มานานไหม ดินเสื่อมสภาพแล้วหรือยัง การเปลี่ยนดินใหม่ให้ ทำให้เรากะระยะในการเปลี่ยนดินครั้งต่อไปได้ง่ายขึ้นด้วย
.
🤔 – ดูระบบรากไม้ว่า แข็งแรงหรือยัง หากดูแล้วว่าระบบรากมีปัญหาจะได้รีบแก้ไขได้ทันท่วงที เพราะในบางกรณีไม้ที่เราซื้อมานั้น อาจจะเป็นประเภทไม้ชำ รากอาจจะยังเดินไม่ดี หรือแค่ปักไว้กับดิน และรากยังไม่เดิน
.
👾 – ในบางครั้งมีโรคที่ติดมากับดินในกระถาง เช่น เพลี้ย รา อาจจะต้องรีบทำการรักษา เพื่อไม่ให้มาติดต่อกับต้นไม้ที่เรามีอยู่ โดยแนะนำว่า หากพบโรคในดินให้นำดินนั้นทิ้งไป ไม่ควรนำกลับมาใช้อีก
/// ในกรณีที่ดูแล้วว่า ดินคุณภาพยังดีอยู่ อาจจะนำดินนั้นมาตากแดด ผสมปุ๋ยเพิ่มแล้วนำกลับมาใช้ใหม่ได้อีก