ชำหน่อ กระบองเพชร(แคคตัส) ง่ายๆ ด้วยเม็ดดินเผา (Popper)


spilt_cactus

การชำหน่อ กระบองเพชร (แคคตัส) สามารถชำลงในดินปลูก หรือวัสดุอื่นๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็น ดินญี่ปุ่น หินภูเขาไฟ หรือเม็ดดินเผา แต่ข้อดีของการชำด้วยเม็ดดินเผา ก็คือ เรื่องการรักษาความชื้นที่เก็บได้ดี วัสดุโปร่ง ทำให้ควบคุมการให้น้ำได้ง่าย เพราะในช่วงที่ชำหน่อนั้น ไม้ต้องการความชื้นมากกว่า ตอนที่ปลูกตามปกติ เพื่อกระตุ้นในรากนั้นงอกออกมาง่ายและเร็ว

การชำหน่อด้วยเม็ดดินเผา สามารถทำได้โดยใช้เม็ดดินเผา ล้วนหรือจะผสมกับหินภูเขาไฟ เบอร์ 00 ได้ทั้ง 2 แบบ

สิ่งที่ต้องระวังและดูแลในการชำแบบนี้คือ

  • การรักษาความชื้นและแสงแดดให้เหมาะสม
  • หน่อที่นำมาล่อรากควรจะต้องสมบูรณ์
  • หลังจากเด็ดหน่อมากแล้ว ควรพักไว้สัก 7-10 วันก่อน นำมาชำเพื่อให้แผลที่เด็ดมากนั้นปิดและแห้ง เพื่อป้องกันการเน่า

วิธีการชำหน่อ
     หลังจากผึ่งหน่อไว้จนแผลที่เด็ดแห้งแล้ว ก็นำมาใส่ในเม็ดดินเผา ที่มีหินภูเขาไฟผสมเล็กน้อย หรือจะเป็นเม็ดดินเผาล้วนโดยนำภาชนะก้นปิด ไม่มีรู ใส่ลงไปให้สูงจนเต็มภาชนะ หลังจากนั้นใส่น้ำไว้ครึ่งหนึ่งของภาชนะ ควรเป็นภาชนะที่ใส เพื่อจะได้มองเห็นระดับน้ำ
นำต้นไม้วางลงบนเม็ดดินเผาให้รากฝั่งลงไป และยกโคนต้นให้เหนือเม็ดดินเผา ความชื้นจะค่อยๆ ระเหย หมั่นค่อยเติมน้ำเมื่อแห้ง ระดับน้ำครึ่งหนึ่งของภาชนะเหมือนเดิม เลี่ยงการวางกลางแดด วางไว้ที่แดดอ่อนๆ หรือชายคาบ้าน









 เมื่อชำหน่อไปได้สักระยะ จนเห็นว่า ยอดเดินแล้ว เป็นสัญญาณบอกว่า ไม้นั้นมีรากงอกออกมาแล้ว สามารถนำไปปลูกลงดินปลูกกระบองเพชรได้ตามปกติ 

spilt_cactus3.jpg

ในการนำไปปลูกควรจะต้องระวังและเบามือ เพื่อป้องกันไม่ให้รากที่งอกออกมานั้นขาด และต้องนำลงปลูกทันทีที่นำออกจากการชำราก เพราะรากนั้นยังอ่อนแอ อาจจะทำให้รากแห้งและต้นขาดน้ำได้




spilt_cactus4.jpg

ข้อดีของการชำหน่อด้วย เม็ดดินเผา หรือป๊อบเปอร์ คือ เราไม่ต้องรดน้ำบ่อย เพื่อรักษาความชื้น และรากจะมาค่อนข้างเร็ว สามารถนำมาใช้ซ้ำๆ ได้หลายครั้ง หลังจากใช้เสร็จ ก็นำพึ่งแดดให้แห้งสนิทและเก็บไว้ใช้งานได้อีก หรือจะทำเป็นถาดแช่ไว้ เมื่อมีหน่อก็สามารถนำมาชำต่อได้เรื่อยๆ
แต่ข้อที่ด้อยกว่าการชำลงดินคือ ในการชำลงดินนั้นรากอาจจะมาช้ากว่าเม็ดดินเผา แต่รากจะแข็งแรง และปลูกต่อได้เลย โดยไม่ต้องย้ายมาลงปลูกใหม่

หลังจากนำไม้ลงปลูกแล้วก็ดูแลเหมือนการปลูกต้นไม้ทั่วไป
>> การดูแล กระบองเพชร (แคคตัส) ไม้อวบน้ำ หลังจากการเปลี่ยนกระถาง <<

หลังจากดูแลเลี้ยงดู ใส่ปุ๋ยบำรุง ได้รับแสงแดดที่เพียงพอ เจ้าหน่อเล็กก็พร้อมออกดอก แต่หน่อต่อไป 

📌 รวมพิกัด ไอเท็มทำสวนไว้ให้เลือกช้อป !!

Advertisement  / โฆษณา

การดูแล กระบองเพชร (แคคตัส) ไม้อวบน้ำ หลังจากการเปลี่ยนกระถาง


cactus_care.jpg

หลายคนกังวลกับ การเปลี่ยนกระถาง กระบองเพชร (แคคตัส) ไม้อวบน้ำ ว่าจะทำให้ต้นไม้ตาย แต่จริงแล้วการเปลี่ยนกระถางนั้น เป็นเรื่องง่ายมาก ถ้าเราค่อยๆ ทำตามขั้นตอนของธรรมชาติของต้นไม้ ลักษณะของต้นไม้นั้นก็ไม่ต่างจากคน

ถ้าจะเปรียบให้เห็นภาพก็คือ ในวันที่เรายังอ่อนแอ หรือป่วย เราอยากอยู่นิ่งๆ ไม่อยากกินอะไรเยอะ ไม่อยากโดนแดดอยากนอนนิ่งๆ เฉย นั้นเป็นเพราะกลไกร่างกาย ต้องการทำการพักฟื้น ต้นไม้ก็เช่นเดียวกัน









แล้วสิ่งที่ควรจะต้องทำหลังเปลี่ยนกระถาง มีอะไรบ้าง??

หลังจากเปลี่ยนกระถาง งดให้น้ำต้นไม้ 3-5 วัน เพื่อให้ระบบรากมีเวลาฟื้นฟูก่อน
การที่รดน้ำโดยที่รากยังไม่พร้อมทำงาน จะเป็นภาระกับรากอย่างมาก ยิ่งถ้าดินที่ใช้ปลูกไม่โปร่งมากพอ โอกาสที่น้ำจะระบายได้ไม่ดี เกิดความชื้นเยอะ ยิ่งมีความเสี่ยงมากที่จะหมักหมม และเป็นเหตุให้รากเน่าได้ ซึ่งจะเป็นอาการที่เกิดในระบบราก อยู่ในกระถาง ทำให้เราไม่สามารถสังเกตได้ และรู้อีกทีคือ เกิดอาการเน่าล่ามขึ้นมาที่ต้น หรือไส้แก่นกลางต้น

** ซึ่งดินที่ปลูกนั้น ก็ควรจะมีความชื้นที่พอเหมาะโดยส่วนมาก ในวัสดุปลูกนั้น จะมีความชื้นอยู่ในตัวอยู่แล้ว ถ้าเป็นการผสมใหม่และปลูก ความชื้นก็ค่อนข้างพอดี แต่ถ้าวัสดุเก็บไว้นานจนแห้งไม่มีความชื้นเลย แนะนำให้ใช้เสปรย์น้ำ ฉีดน้ำบางๆ เพื่อเพิ่มความชื้น เพราะถ้าความชื้นน้อยเกินไปรากอาจจะแห้งและตายได้

ฉะนั้นความชื้นที่พอเหมาะของดินในการปลูกไม้ หรือเปลี่ยนกระถางนั้นสำคัญและควรควบคุมให้เหมาะสม

ลักษณะการขยายตัว ตรงปลายสุดของต้นที่งอกขึ้นมาใหม่ โดยสีจะอ่อนๆ แสดงว่าระบบรากเดินแล้ว
และทำงานได้ดีแล้ว พร้อมที่จะปรับสภาพการเลี้ยงดูตามปกติ





การปรับแสงแดดให้เหมาะสมกับระยะการปลูก หรือเปลี่ยนกระถาง

หลังจากเปลี่ยนกระถาง ต้นไม้จะยังอ่อนแอ แดดที่ใช้ควรเป็นแดดร่ำไรให้ต้นไม้ค่อยๆ ได้ปรับตัว แดดประมาณ 30-40% หากเป็นสแลน ก็ใช้เป็นการทบ 2-3ชั้น ตามความหนาบางของสแลน หรือจะวางไว้บริเวณชายหลังคาที่มีแสงแดดส่องถึง แต่อุณหภูมิไม่สูง อากาศไม่ร้อน มีลมถ่ายเทได้ดี เมื่อสังเกตว่า ยอดเริ่มเดินแล้วค่อยๆ ปรับความเข้มข้นของแดดเป็น 50-60% หลังจากนั้นเมื่อเห็นว่า ต้นไม้แข็งแรงดีแล้ว ก็ปรับการเลี้ยงตามปกติตามลักษณะสายพันธุ์ ที่มีความต้องการแสงแดดที่ต่างกัน

บทความที่เกี่ยวข้อง

วิธีปลูกแคคตัส

5 ขั้นตอนง่ายๆ ในการปลูก หรือเปลี่ยนกระถาง แคคตัส กระบองเพชร ไม้อวบน้ำ

สิ่งของที่ต้องเตรียม ในการปลูกกระบองเพชร หรือเปลี่ยนกระถางให้กระบองเพชร (แคคตัส) 🔹 อุปกรณ์ปลูก • ช้อนตัก อันนี้แล้วแต่ความสะดวก และความถนัด หรือของที่มี จะช้อนพลาสติกที่ตักดินเฉพาะ…

อ่านต่อ

📌 รวมพิกัด ไอเท็มทำสวนไว้ให้เลือกช้อป !!

Advertisement  / โฆษณา

เปลี่ยนดินตัดแต่งราก เพื่อฟื้นฟูกระบองเพชรต้นเหี่ยว โคนต้นยุบ ต้นไม้ไม่สดใส เพราะเกิดจากระบบรากมีปัญหา


sick

ต้นที่มีปัญหานั้น เป็นผลที่เกิดจากการลืมรดน้ำเป็นระยะเวลาหลายเดือน ติดกัน มีเพียงน้ำจากละอองฝนบ้าง ทำให้ต้นกระบองเพชร ที่เคยสดใส เหี่ยวแห้ง ไม่โต แต่ไม่ตาย เหมือนการเจริญเติบโตหยุดชะงัก

อาการเหล่านี้เทียบได้กับการที่ต้นไม่ได้รับน้ำเพียงพอ ในกรณีที่ใช้การฉีดพ่นน้ำ แต่ไม่ได้รดน้ำจนถึงราก จนทำให้รากตาย รากฝอยแห้งและหลุดออก เหลือเพียงรากแก้วทำงาน

sick4.jpg   

 ในกรณีนี้ต้นยังมีสภาพที่พอฟื้นฟูได้ง่าย เพราะอาการยังไม่รุนแรงมาก ใช้เป็นวิธี ตัดแต่งราก โดยตัดเล็มปลายรากที่ตายทิ้ง กระตุ้นให้ต้นสร้างรากใหม่ที่แข็งแรงขึ้นมา โดยหลังจากตัดแต่งรากแล้ว และรอให้แผลแห้งสนิท ก็นำลงปลูกใน ดินปลูกกระบองเพชร ได้เลยโดยดินนั้นควรมีความชื้นพอเหมาะอยู่แล้วไม่แห้งไป หากดินแห้งมากให้ฉีดละอองน้ำเพิ่มความชื้นเล็กน้อย ก่อนนำมาปลูก

หลังจากลงปลูกควร งดรดน้ำ 4 – 5 วัน เพื่อให้ระบบรากได้ฟื้นฟู ในระหว่างนี้ให้เลี้ยงในแดดร่ำไร งดวางไว้ที่แดดจัด เพราะระบบรากยังไม่แข็งแรงอาจจะทำให้ตายได้

>>วิธีดูแลต้นกระบองเพชร ไม้อวบน้ำ หลังจากลงปลูก หรือเปลี่ยนกระถาง<<









ใช้ระยะเวลาประมาณ 2 สัปดาห์ ต้นที่เหี่ยวก็จะฟื้นฟูขึ้นมาเหมือนเดิม โดยทั้งนี้ระยะเวลาไม่แน่นอน ขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อม ตัวไม้เอง และดินที่ใช้ปลูกที่จะช่วยให้ไม้ฟื้นตัวได้เร็ว ดินที่ใช้เป็นดินสูตรของเรา #mini3garden

sick3.jpg

พัฒนาการหลังจากการปลูกลงดินใหม่

————-
ส่วนในกรณีที่ต้น เหี่ยว และยุบตัวมาก
แนะนำให้ใช้การฟื้นฟูด้วย เม็ดดินเผา ป๊อบเปอร์ (Popper)ก่อนนำลงปลูก
>> ดูวิธีการใช้เม็ดดินเผา ฟื้นฟูต้นเหี่ยว <<

cactus-sick6

📌 รวมพิกัด ไอเท็มทำสวนไว้ให้เลือกช้อป !!

Advertisement  / โฆษณา

การวางใบ ชำใบ เพื่อขยายพันธุ์ ไม้อวบน้ำ กุหลาบหิน ซัคคิวเลนท์ ( Succulent )


paste_leaf

การขยายพันธุ์ ไม้อวบน้ำ กุหลาบหิน ซัคคิวเลนท์ ( Succulent ) สามารถทำได้หลายวิธี ไม่ว่าจะเป็นการ เพาะเมล็ด ปาดยอด วางใบหรือชำใบ  วิธีที่ทำได้ง่าย ได้จำนวนเยอะ ก็คือ การวางใบ เป็นการขยายพันธุ์ที่ ไม่ยุ่งยากและซับซ้อน ใช้วัสดุอุปกรณ์ไม่เยอะ ใช้เหมือนการปลูก
คือ ดินปลูก วัสดุรองก้นกระถาง และก็ภาชนะที่ใช้วางใบ ซึ่งนิยมเป็นลักษณะทรงถาด เพราะใส่ได้จำนวนมาก กล่องพลาสติกอาหารที่ไม่ได้ใช้แล้ว สามารถนำมาล้างให้สะอาด เจาะรูระบายน้ำ ก็ใช้ได้ดี ประหยัด และช่วยลดขยะได้ด้วย 

   ลักษณะใบที่จะทำมาวาง ควรจะเป็นใบที่ยังสมบูรณ์ ไม่เหี่ยวแห้ง ขั้วใบยังสดอยู่ หรือในกรณีที่ต้น เริ่มทิ้งใบ ใบทีร่วงนั้น สามารถนำมาวางใบได้ หรือในกรณีที่สั่งไม้มาจากทางเว็บ แล้วกลีบใบหลุดร่วงก็สามารถนำมาวางใบได้เช่นกัน









ขั้นตอนการวางใบ ชำใบ ของ #Mini3garden

1. ใช้วัสดุรองก้นกระถาง เพื่อช่วยให้น้ำระบายได้ดี

2. ใส่ ดินปลูกไม้อวบน้ำ

3. วางใยมะพร้าวเพื่อช่วยรักษาความชื้นให้เหมาะสม แล้วโรยทับด้วยดินปลูก ใยมะพร้าวจะช่วยรักษาความชื้นได้ดีทำให้รากมาไว้ขึ้น แต่ถ้าหากไม่มีไม่จำเป็นต้องใช้ ใช้เป็นการวางบนดินปลูกได้เลย 

4. โรยวัสดุโรยหน้ากระถาง ด้วยหินภูเขาไฟ ช่วยให้เวลารดน้ำ ดินไม่กระเด็น และล่อรากให้มาเร็วขึ้น หรือถ้าไม่มีจะวางบนดินปลูกเลยก็ได้

5. วางใบและเว้นระยะให้พอเหมาะ รดน้ำให้ชุ่ม เป็นอันเสร็จ

paste_leaf3.jpg
ใส่ใยมะพร้าวเพิ่มช่วยรักษาความชื้นให้พอเหมาะ
paste_leaf4
โรยด้วยดินทับแล้ววางใบ ในกรณีที่ไม่มีหินภูเขาไฟ




paste_leaf5.jpg
ใส่ด้วยดินทับ แล้วโรยด้วยหินภูเขาไฟ แล้ววางใบ

นานไหมกว่ารากและต้นใหม่จะงอกขึ้นมา ??

paste_leaf6.jpg

ราวๆ 1 สัปดาห์โดยประมาณ ก็จะมีรากงอกออกมาจากขั้วใบ และต้นจะค่อยๆ งอกและโต โดยการงอกช้าเร็วนั้น ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยไม่ว่า ความสมบูรณ์ของใบที่ใช้วาง ดินมีคุณค่าทางอาหารครบ อุณหภูมิแวดล้อมที่เหมาะสม

การดูแลในระหว่างที่วางใบ ชำใบ

     ควรรักษาความชื้นให้เหมาะสม แต่ไม่แฉะและไม่มีน้ำขัง เป็นที่ที่มีแดดอย่างน้อย 4-6 ชั่วโมง แดดเป็นแดดร่ำไร ไม่ควรวางกลางแจ้ง อากาศถ่ายเทได้ดี การรดน้ำก็เหมือนต้นไม้ทั่วไป การใช้สเปรย์ฉีดสามารถทำได้ แต่ข้อเสียคือ อาจจะต้องทำบ่อยๆ ถ้าฉีดน้ำปริมาณน้อยไปดินอาจชื้นไม่พอ รากอาจจะไม่ออก หรือใบอาจจะฝ่อได้

ข้อควรระวังที่สำคัญคือ ในระหว่างที่วางใบ ไม่ควรหยิบจับตัวใบมาดูบ่อยๆ เพราะรากค่อนข้างอ่อนแอ อาจทำให้รากเสียหายได้

paste_leaf7.jpg

หลังจากโตและรากเดินดีแล้ว เราก็ทำการแยกกระถางไปเลี้ยงเดียว ขั้นตอนนี้ควรเบามือ เพราะรากอาจจะได้รับการกระทบกระเทือนได้ วิธีก็เหมือนการปลูกไม้อวบน้ำ




paste_leaf8.jpg
paste_leaf10.jpg

ในระหว่างนี้ก็ยังเลี้ยงแดดร่ำไร จนกว่าเขาจะเริ่มแข็งแรง ก็จะค่อยฝึกออกแดดที่เข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ และเลี้ยงตามปกติ

paste_leaf9.jpg
paste_leaf11.jpg

📌 รวมพิกัด ไอเท็มทำสวนไว้ให้เลือกช้อป !!

Advertisement  / โฆษณา

โลกใบจิ๋ว จากขวดโหล รีไซเคิล (สวนขวดกระบองเพชร)


cactus_terrarium

ขวดโหลที่ใส่ขนม กาแฟ ที่ซื้อมาถ้ากินหมดแล้ว อย่าทิ้ง เพราะ เอามาทำเป็น #สวนขวด 🌵🌱เล็กๆ ได้ วางไว้บนโต๊ทำงาน มุมบ้านก็ได้ ดูแลง่าย รดน้ำง่าย ประหยัดพื้นที่

วัสดุอุปกรณ์ ที่ต้องเตรียม

1. ขวดโหล ที่ล้างทำความสะอาดแล้ว
2. ดินปลูก กระบองเพชร แคคตัส
3. หิน กรวดแม่น้ำ
4. หินก้อนใหญ่
5. ต้นแคคตัส (กระบองเพชร) ขนาดเล็ก
6. ตุ๊กตาประดับตกแต่ง









*** สิ่งสำคัญในการเลี้ยงแบบนี้ คือ ชั้นหินต้องค่อนข้างสูงกว่าการเลี้ยงต้นไม้ในขวดแบบอื่นๆ เพื่อให้ความชื้นไม่มากไป *** และเป็นการเลี้ยงแบบเปิดฝา เพื่อป้องกันการเน่า

97845

ล่อราก ชำหน่อ ยิมโนด่าง : รีวิว วัสดุใช้ล่อราก (Gymnocalycium Variegata)


Review-create_new_root_01

     ในการ “ล่อราก” หรือ ชำหน่อยิมโนด่างนั้น จะค่อนข้างยาก กว่าการล่อรากยิมโนที่ไม่ด่าง และสายพันธุ์อื่น ด้วยความที่เขามีสีที่ด่าง หรือสีเขียวน้อย ทำให้การสังเคราะห์แสง เพื่อเจริญเติบโตจงค่อนข้างยาก บางคนถึงนิยมนำไป “กราฟ” เพราะจะช่วยทำให้ไม้โตไวขึ้น

โดยปกติ การล่อราก สามารถทำได้ทั้งแบบ ระบบเปิด และระบบปิด ซึ่งมีข้อดีเสียแตกต่างกันไป การล่อรากในระบบปิด เสี่ยงต่อการเน่า หรือขึ้นรา การล่อรากแบบเปิด ก็เสี่ยงต่อการที่หน่อฝ่อ รากไม่ออก

สิ่งสำคัญในการล่อรากแบบปิด โดยไม่ใช้ยาเร่งราก หรือยากันรา

• หน่อที่นำมาล่อราก หรือชำหน่อ แผลต้องแห้งสนิท ไม่ฉะนั้นอาจจะทำให้เกิดการเน่า แนะนำให้นำหน่อไปตากแดดอ่อนๆ จะช่วยสมานแผล และฆ่าเชื้อโรคได้

• ภาชนะที่ใช้ หรือวัสดุที่ใช้ควรจะต้องมีความสะอาดเพื่อป้องกันการเกิดรา

• อุณหภูมิที่เหมาะสม อากาศควรถ่ายเทได้ดี แสงแดดที่พอเพียง เป็นช่วงแดดเช้า หรือแดดร่ำไร ประมาณ 40% ห้ามวางในที่ที่อากาศร้อนอบอ้าว หรืออุณหภูมิสูง

• ไม่ควรเคลื่อนย้าย หรือเปิดดูบ่อยๆเพราะอุณหภูมิที่แตกต่างกันมากระหว่างภายในกับภายนอก
อาจจะมีผลกับต้น และการยกดูบ่อยๆ จะเป็นการรบกวน ทำให้รากออกช้า หรือไม่ออก









ขั้นตอนการล่อราก หรือชำหน่อแบบปิด นั้นง่ายมาก
เพียงแค่ใส่วัสดุที่เราใช้ล่อราก 1/3 ของภาชนะที่เราใช้ล่อราก พรมน้ำให้ชุ่ม แล้ววางหน่อของเราไว้บนวัสดุล่อราก โดยไม่ต้องกดหรือฝังแค่วางไว้เฉย หลังจากนั้นก็ปิดฝาให้สนิท คำแนะนำ ภาชนะที่จะนำมาใช้ล่อรากควรเป็น ภาชนะที่รับแสงได้ดี ไม่ควรทึบ หรือแสงเข้าถึงยาก

วัสดุที่เรานำมารีวิวในการล่อราก หรือชำหน่อ ยิมโนด่าง มีดังนี้
•เม็ดดินเผา •เพอร์ไลต์จิ๋ว •ดินอคาดามะ •หินภูเขาไฟ ทีพีไอ •ดินปลูก #mini3garden
โดยมีการนำวัสดุมาผสมกันด้วย
ระยะเวลาที่ใช้คือ 25 วัน
ล่อราก หรือชำหน่อ แบบไม่ใช่ยาเร่งราก และยากันรา


**ปัจจัยที่อาจจะทำให้ได้ ผลผลลัพธ์แตกต่างคือ • สี ความด่าง มาก น้อย • ขนาด และความสมบูรณ์ ของหน่อ
การทดลองนี้ถือว่า 70% สามารถนำมาตัดสินใจใช้วัสดุ แต่ละประเภท และทดลองต่อไป

Review-create_new_root_02
Review-create_new_root_03

-ล่อราก หรือชำหน่อย ยิมโนด่าง โดยใช้ ดินปลูก #mini3garden

Review-create_new_root_04

ล่อราก หรือชำหน่อย ยิมโนด่าง โดยใช้  • ดินอคาดามะ ผสมกับ • หินภูเขาไฟ ทีพีไอ 

ล่อราก หรือชำหน่อย ยิมโนด่าง โดยใช้  • เม็ดดินเผา ผสมกับ •เพอร์ไลท์จิ๋ว

ล่อราก หรือชำหน่อย ยิมโนด่าง โดยใช้  • เม็ดดินเผา ผสมกับ • หินภูเขาไฟ ทีพีไอ

ล่อราก หรือชำหน่อย ยิมโนด่าง โดยใช้  • หินภูเขาไฟ ทีพีไอ


สรุปผลการใช้วัสดุล่อราก ชำหน่อ ยิมโนด่าง แต่ละชนิด

หลังจากการล่อรากเสร็จแล้วก็คือ ขั้นตอนการในไปปลูกในดินปลูกแบบปกติต่อไป โดยไม่ต้องตัดแต่งราก หรือดึงวัสดุที่ติดอยู่กับรากออก เพราะรากที่ล่อ หรือชำนั้นค่อนข้างบอบบาง ไม่ควรมีการกระทบกระเทือนแบบรุนแรง เพราะอาจจะทำให้รากตายได้ จึงต้องควรเบามือ และใช้ความระมัดระวัง ดินปลูกที่ใช้ควรเป็นดินที่มีความชื้นอยู่ในตัว ไม่แห้ง

หลังจากปลูกเสร็จก็สเปรย์น้ำเล็กน้อย และวางไว้ในที่ๆ แดดร่ำไร ไม่ร้อน ให้เขาได้ค่อยๆ ปรับตัว หลังจากผ่านไปประมาณ 2 อาทิตย์ รากก็จะเดินดีแข็งแรง และถ้าหากสังเกตว่า ยอดเริ่มเดินแสดงว่า ระบบรากนั้นสมบูรณ์แล้ว ก็ค่อยนำไปเทรนแดด เพื่อเพิ่มความเข้มข้นของแสง และเลี้ยงตามปกติได้เลย

การรีวิวครั้งนี้ไม่ได้เป็นการฟันธงว่า วัสดุใดดีกว่ากัน แต่เป็นการทดลองเพื่อให้เห็นผลลัพธ์
โดยจะต้องมีการทดลองซ้ำกันหลายครั้งเพื่อเก็บสถิติที่ดีที่สุด


แต่อยากจะให้เป็นไอเดียในการเลี้ยงหรือปลูกต้นไม้ ว่าเรานั้น สามารถทดลองเพื่อหาผลลัพธ์ที่ดีสุด
“การเกษตร ก็คือการทดลอง บันทึก และนำมาวิเคราะห์ต่อ เพื่อต่อยอดให้ดีขึ้นไปอีก”

📌 รวมพิกัด ไอเท็มทำสวนไว้ให้เลือกช้อป !!

Advertisement  / โฆษณา

กระถางพลาสติก กลม ทรงถ้วยชา ขนาด 2 นิ้ว


กระถาง กลม ทรงถ้วยชา 2 นิ้ว

สี: ขาว / รหัส : 2WC-07
สี: อิฐ / รหัส : 2RC-08

ราคา ฿ 2.50 – 4

1 ใบ ราคา ฿ 4
————————–
5 ใบ ฿ 15 ( เฉลี่ย ฿ 3 / ใบ )
————————–
20 ใบ ฿ 50 ( เฉลี่ย ฿ 2.5 / ใบ )


รายละเอียด

ขนาดสินค้า :ปากสูงก้น
นิ้ว2.751.71.5
เซนติเมตร74.44

กระถางพลาสติก ทรงเหลี่ยม 2 นิ้ว ปากบาน


กระถางทรงเหลี่ยม 2 นิ้ว ปากบาน

สี: ขาว / รหัส : 2BS-01
สี: ดำ / รหัส : 2BS-02

ราคา ฿ 2.50 – 4

1 ใบ ราคา ฿ 4
————————–
5 ใบ ฿ 15 ( เฉลี่ย ฿ 3 / ใบ )
————————–
20 ใบ ฿ 50 ( เฉลี่ย ฿ 2.5 / ใบ )


รายละเอียด

กระถางพลาสติก แคคตัส กระบองเพชร ก้นกระถางระบายน้ำได้ดี ช่วยลดความอับชื้น

ขนาดสินค้า :ปากสูงก้น
นิ้ว22.21.4
เซนติเมตร55.73.5


ขั้นตอน และ วิธีการสั่งซื้อ และจัดส่งสินค้า >> คลิก <<

กระถางพลาสติก กระบองเพชร แคคตัส ทรง 8 เหลี่ยม


plastic_pot00

กระถางพลาสติก ปากแตร 8 เหลี่ยม สีดำ เนื้อหนา ผิวด้าน สไตล์ญี่ปุ่น
ก้นกระถางระบายน้ำได้ดี ช่วยลดความอับชื้น
———
มี 2 ขนาด 3.5 นิ้ว // 2.5 นิ้ว

plastic_pot.01.jpg
plastic_pot_กระถาง 8 เหลี่ยม

กระถางพลาสติก กระบองเพชร แคคตัส
ทรง 8 เหลี่ยม ขนาด 3.5 นิ้ว

1 ใบ / ราคา 20 บาท
————————–
5 ใบ / ราคา 90 บาท
————————–
20 ใบ / ราคา 320 บาท

น้ำหนักประมาณ 20 กรัม / ใบ
** ราคาสินค้าไม่รวมค่าจัดส่ง**

plastic_pot_กระถาง 8 เหลี่ยม

กระถางพลาสติก กระบองเพชร แคคตัส
ทรง 8 เหลี่ยม ขนาด 2.5 นิ้ว

1 ใบ / ราคา 12 บาท
————————–
5 ใบ / ราคา 55 บาท
————————–
20 ใบ / ราคา 200 บาท

น้ำหนักประมาณ 10 กรัม / ใบ
** ราคาสินค้าไม่รวมค่าจัดส่ง**
plastic_pot_กระถาง 8 เหลี่ยม

กระถางพลาสติก กระบองเพชร แคคตัส
ทรง 8 เหลี่ยม ขนาด 3.5 นิ้ว

1 ใบ / ราคา 20 บาท
————————–
5 ใบ / ราคา 90 บาท
————————–
20 ใบ / ราคา 320 บาท

น้ำหนักประมาณ 20 กรัม / ใบ
** ราคาสินค้าไม่รวมค่าจัดส่ง**
plastic_pot00