การใช้ “กำมะถัน” เพื่อบำรุง และป้องกัน ยับยั้งศัตรูพืช ตระกูลไร โรคตระกูลรา ในพืชแบบอินทรีย์


กำมะถัน หรือ ซัลเฟอร์ ( sulfur ) เป็นธาตุอโลหะ (อนินทรีย์) ที่เกิดในชั้นดินที่มีการทับถมของซากพืช ซากสัตว์ การระเบิดของภูเขาไฟ นิยมนำมาใช้ในตั้งแต่สมัยโบราณ ทั้งในวงการแพย์ เพื่อเป็นส่วนประกอบ การผลิตยา หรือในภาคอุสาหกรรม และในตัวมนุษย์เราก็มีกำมะถันเป็นส่วนประกอบของร่างกายอยู่ 0.25 % ของน้ำหนักตัว กำมะถันที่เป็นแร่ธาตุที่สำคัญในการเสริมโครงสร้างร่างกายในส่วนของ ผม เล็บ และผิวหนัง ซึ่งกำมะถันที่มนุษย์ต้องการจะพบมากในอาหารจำพวก เนื้อสัตว์ อาหารทะเล ไข่ พืชตระกูลถั่ว และค่ากำมะถันที่ร่างกายต้องการควรเหมาะสม มีความสมดุล ไม่สูงเกินค่ามาตราฐานที่ร่างกายต้องการ

เช่นเดียวกับการนำมาใช้กับพืช ควรจะต้องทำการศึกษาปริมาณที่ใช้ หรือการทำปฏิกิริยาทางเคมีเมื่อการใช้ร่วมกับธาตุอื่นๆ เพื่อไม่ให้เกิดพิษต่อพืช









Image by wirestock on Freepik

โดยทำการเกษตรอินทรีย์นั้น มีการสนับสนุนให้นำ กำมะถัน มาใช้แทนการใช้ยา หรือสารเคมีบางกลุ่มเพื่อลด หรือหยุดการใช้สารพิษในการเกษตร โดยใช้ในกลุ่มการป้องกัน ศัตรูพืช ตระกูลไร เช่น ไรแมงมุม ไรแดง หรือไรในกลุ่มที่เข้าทำลายไม้ผล ผักสวนครัว และยังยับยั้งการเข้าทำลาย ของเชื้อรา หรือแบคทีเรียที่ก่อโรค

แต่ในการใช้นั้น ต้องมีการลอง และปรับใช้ในปริมาณที่เหมาะสม เพื่อดูปฎิกิริยาต่อพืชที่ส่งผลจากการใช้ เพราะหากใช้ในปริมาณที่ไม่เหมาะสม จะกลายเป็นพิษ ดินเป็นกรด หรือเกิดอาการใบไหม้ ต่อพืชได้ และควรใช้ให้ไม่เกินค่ามาตราฐานที่สะสมอยู่พืชผักสวนครัว ผลไม้

และประโยชบ์ของกำมะถัน ยังเป็นธาตุรองที่สำคัญต่อพืช ช่วยในการสร้างคลอโรฟิลล์ ที่ส่งผลต่อการสร้างสีเขียวของพืช เพื่อใช้ในกระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสง หรือการปรุงอาหารพืช และสังเคราะห์โปรตีน ส่งผลทั้งคุณภาพ ความแข็งแรง และปริมาณผลผลิตต่อพืช

หากพืชขาด ธาตุกำมะถัน จะส่งผลให้ต้นชะงักการเจริญเติบโต ลำต้นอ่อน ต้นล้มได้ง่าย รากไม่แข็งแรง ใบหรือยอดมีสีซีดเหลือง ทำให้เกิดการเข้าทำลายจากศัตรูพืช และโรคได้ง่าย




ดินในตามธรรมชาตินั้นมีกำมะถันอยู่ในปริมาณเพียงพอกับที่พืชต้องการ แต่ในกรณีที่ปลูกพืช หรือต้นไม้ในกระถางที่ไม่มีกระบวนย่อยสลายอินทรีย์ต่างๆ ในดิน หรือแปลงเกษตรที่ไม่มีการพักแปลง หรือไม่ได้มีการปรับปรุงดินโดยการเติมอินทรีย์วัตถุต่างๆ ลงไปในดินเป็นเวลานาน จะทำให้พื้นที่การปลูกนั้น ขาดธาตุกำมะถันได้ ซึ่งการแก้ไขคือ เติมปุ๋ยคอก หรือการใส่กำมะถันให้พืชในปริมาณที่เหมาะสม

ในการหมักปุ๋ยคอก ปุ๋ยหมัก หรือน้ำหมักบางชนิด เช่นน้ำหมักจุลินทรีย์สังเคราะห์แสง หรือแบคทีเรียสังเคราะห์แสง นี้จะทำให้มีเกิดกำมะถันตามธรรมชาติ ของเหลือจากการทำอาหารเช่น เปลือกไข่ที่ผ่านความร้อน ก็จะมีกำมะถันอ่อนๆ ตามธรรมชาติแฝงอยู่




ข้อควรรู้ และข้อควรระวังในการใช้กำมะถันในพืช

ด้วยกำมะถันนั้นมีฤทธิ์ทางเคมีเป็นกรด หากใช้ในปริมาณที่ไม่เหมาะสม หรือมากไปอาจะทำให้เกิดการเสียสมดุลในดิน หรือเป็นพิษต่อพืช ในกรณีที่ใช้ทางใบ ก็อาจจะทำให้เกิดอาการใบไหม้ได้ จึงต้องมีความระมัดระวังในการนำไปใช้ และควรศึกษาข้อมูลอย่างละเอียด

• ไม่ควรใช้กำมะถันรวมกับสารจับใบ หรือสารที่มีส่วนประกอบของไวท์ออยล์ หรือหากต้องการใช้ควรเว้นระยะการใช้อย่างน้อย 2 สัปดาห์

• ไม่ควรใช้ในสภาพอากาศที่มีความร้อนสูง ควรใช้ตอนเวลาเย็น หรือช่วงที่ไม่มีแดดจัด

• ปริมาณการใช้กับพืช แต่ละชนิดไม่เท่ากัน เนื่องจากการต้านทาน ต่อความเป็นกรดของพืชแต่ละชนิดไม่เท่ากัน กำมะถันจะใช้ได้ประสิทธิภาพดี ในพืชที่ต้องการดินที่ความเป็นกรดอ่อน ดังนั้นควรศึกษาชนิดของพืชที่จะใช้ หากใช้กับพืชทุกขนิด ควรทดลองใช้ในปริมาณน้อยก่อน และค่อยปรับเพิ่มขึ้นทีละนิด

• ควรเช็คสภาพดินก่อนใช้ว่า ดินมีค่าความเป็นกรดอยู่แล้วหรือไม่ หากดินเป็นกรดอยู่แล้วไม่ควรใช้กำมะถันเพิ่ม

• ควรสวม เสื้อผ้า มิดชิดและป้องกัน ไม่ให้สูดดม หรือสัมผัสโดยตรง เพราะถึงแม้จะเป็นสารอนินทรีย์ที่มีพิษต่อสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมต่ำ และร่างกายสามารถขับพิษออกได้ตามธรรมชาติ แต่ถ้าหากสะสมเป็นเวลานาน หรือได้รับในปริมาณมากเกินค่าร่างกาย ก็มีอันตรายได้ หรืออาจจะมีอาการคันได้ในผู้ที่ผิวบอบบาง หรือแพ้ง่าย

• ในสมัยก่อนนิยมนำกำมะถันมาผ่านความร้อน หรือรมครัว ไล่แมลง แต่ตอนนี้ไม่นิยมให้ใช้ด้วยเหตุที่ก่อให้เกิดโทษ และอันตรายมากว่า เพราะเมื่อกำมะถันเมื่อโดนความร้อนสูง จะทำให้เกิดออกไซด์ของกำมะถัน และไฮโดรเจน ซึ่งจะมีพิษต่อระบบการหายใจ ทำให้เป็นพิษต่อร่างกาย จึงให้เลิกใช้การรมควันกับกำมะถัน

กำมะถัน และ กรดกำมะถัน ไม่เหมือนกัน “กำมะถัน” จะเป็นก้อน หรือผงสีเหลืองไม่ทำละลายในน้ำ ส่วน “กรดกำมะถัน” จะเป็นสีใส ละลายในน้ำได้ การใช้กำมะถัน ไม่ได้มีอันตราย หากใช้ในปริมาณที่เหมาะสม แต่หากเป็น กรดกำมะถัน หรือกรดซัลฟิวริก ( sulfuric acid / sulphuric acid ) แล้วนั้น เป็นสารต้องห้าม มีพิษอันตราย ต่อร่างกายอย่างมาก

วิธีการใช้กำมะถัน ในการกำจัด ป้องกันศัตรูพืช และโรคพืช

หากเป็นการปลูกจำนวนน้อย แนะนำให้ใช้เป็นสบู่กำมะถันที่จำหน่ายตามร้านทั่วไป หรือร้านขายยา ซึ่งการใช้สบู่ที่มีส่วนผสม สบู่ซัลเฟอร์ที่มีจำหน่ายอยู่ในท้องตลาดทั่วไปนั้น ส่วนใหญ่จะมีซัลเฟอร์ผสมอยู่ 2.5-3 % ซึ่งจะไม่ทำการระคายเคืองผิวเราได้ง่าย ให้นำสบู่ก้อนมาทำการหั่นเป็นฝอย ละลายน้ำ เป็นแบบเข้มข้น และผสมน้ำเพิ่ม เพื่อเจือจางเวลานำไปฉีดพ่น

ในกรณีที่ใช้ในปริมาณเยอะ สามารเลือกใช้ ผงกำมะถัน ที่มีจำหน่ายในร้านการเกษตรทั่วไป ที่จะมีชนิดผงละเอียด ละลายง่าย ไม่อุดตันหัวฉีด ผงกำมะถันนั้นจะไม่ละลายเข้ากับน้ำ หากเป็นกำมะถัน ชนิดผงหยาบ และต้องการนำไปใช้ ต้องผสมตัวทำละลาย หรือให้ผสมกับน้ำสบู่สูตรอ่อนๆ เพื่อให้น้ำกับกำมะถันเข้ากันได้ แล้วกรองส่วนที่ไม่ละลาย หรือเป็นผงก้อนใหญ่ เพื่อป้องกันการอุดตันหัวฉีด

การนำกำมะถันละลายนำไปใช้ควรผสมน้ำใช้แบบเจือจาง ซึ่งปริมาณการใช้ หรือเจือจางความเข้มข้นนั้นไม่มีตายตัว แนะนำให้ผสมอ่อนๆ ก่อนในการใช้ในครั้งแรก และค่อยปรับเพิ่มขึ้นตามความเหมาะสม เพื่อป้องกันใบไหม้ หรืออาการเป็นพิษในพืช

ข้อมูลอ้างอิง :
https://www.opsmoac.go.th/angthong-local_wisdom-preview-441591791910
https://web.ku.ac.th/schoolnet/snet5/topic2/S.html

บทความที่เกี่ยวข้อง

📌 รวมพิกัด ไอเท็มทำสวนไว้ให้เลือกช้อป !!

Advertisement  / โฆษณา

แสนจะง่าย!! ทำน้ำสบู่กำมะถัน ใช้ป้องกันไรแดง ไรแมงมุง เชื้อรา และแบคทีเรีย ในต้นไม้ แบบปลอดสารพิษ


การทำน้ำสบู่กำมะถัน เป็นทางเลือกสำหรับผู้ที่ปลูกต้นไม้เป็นงานอดิเรก หรือปลูกจำนวนไม่มาก และต้องการป้องกัน การเกิดโรค และศัตรูพืช แบบปลอดสารพิษ ( Non-toxic ) เหมาะสำหรับครัวเรือน หากเป็นการปลูกแบบสวน หรือเกษตกรที่ประกอบเป็นอาชีพ อาจจะเป็นต้นทุนที่สูงเกินไป ควรใช้เป็นกำมะถ้นที่มีจำหน่าย แบบถูกต้องในร้านที่ขายสินค้าการเกษตรโดยตรง

สบู่กำมะถัน หรือสบู่ซัลเฟอร์ ( Sulfur Soap ) เป็นสบู่ที่มีขายอยู่ในท้องตลาด โดยจะมีส่วนกำมะถันผสมอยู่ 2.5-3% ซึ่งการเลือกนำสบู่กำมะถันมาใช้นั้น ควรเลือกที่มีการรับรอง หรือผลิตที่น่าเชื่อถือได้ เพื่อความปลอดภัยในการใช้งาน ซึ่งสามารถหาซื้อได้ตามซุปเปอร์มาร์เก็ต หรือร้านขายยา ร้านค้าออนไลน์ที่น่าเชื่อถือ ในท้องตลาดในไทย มีจำหน่าย มีอยู่ 3 แบรนด์ หลัก Defento, Myda, Oxecure ซึ่งคุณสมบัติการใช้งานไม่แตกต่างกันมาก สามารถเลือกใช้ได้ทั้งหมด ตามความสะดวก


สิ่งที่ต้องเตรียม

1. สบู่กำมะถัน หรือสบู่ซัลเฟอร์ ( เลือกใช้ได้ทุกยี่ห้อตามสะดวก )
2. น้ำอุ่น หรือน้ำที่ต้มและผ่านการพัก ให้อุณหภูมิไม่เกิน 48-60 องศาเซลเซียส
3. น้ำอุณหภูมิปกติ
4. อุปกรณ์ผสม
5. ขวดสเปรย์พ่น หรือฟ๊อกกี้
6. อุปกรณ์ที่ใช้ในการทำให้สบู่เป็นฝอย มีดหั่น หรือมีดปลอกผลไม้
7. กระชอนตาถี่ ตาละเอียด

ขั้นตอนการทำ

1. นำสบู่กำมะถันมาหั่น หรือขุดให้เป็นฝอย เพื่อให้ง่ายในขั้นตอนการละลาย


2. นำน้ำอุ่น ( ใช้ปริมาณน้ำ 1/3 ของปริมาณสบู่ ) ผสมเข้ากับสบู่ที่ได้เตรียมไว้แล้ว โดยใส่น้ำที่ละน้อยๆ แล้วคนให้เข้ากันในขณะที่น้ำยังอุ่นๆ และค่อยๆ เติมน้ำทีละนิด จนได้เป็นลักษณะน้ำสบู่ข้นๆ










3. นำน้ำสบู่เข้มข้นผสมเข้ากับน้ำอุณหภมิปกติ โดยประมาณ 1 เท่าตัวของน้ำสบู่เข้มข้น เพื่อให้ง่ายต่อการคนผสม และนำไปกรองด้วยกระชอนตาถี่ หากมีสบู่ที่ยังละลายไม่หมด ให้ขยี้ละลายให้เข้ากัน


4. เมื่อได้ตัวหัวน้ำสบู่กำมะถันแล้ว ให้นำไปเจือจางกับน้ำอุณหภูมิปกติก่อนนำไปใช้ ใส่เป็นขวดสเปรย์พ่น
และนำไปพ่นตามที่มีการระบาด

การนำไปใช้งาน

สัดส่วนการใช้นั้นไม่มีตายตัว แต่แนะนำให้ผสมให้เจือจาง 15-20 เท่า ในการใช้งานครั้งแรก และค่อยปรับให้เข้มข้นขึ้น หากพืชไม่แสดงอาการใบไหม้ หรือใบเหลือง ใบร่วง

การใช้งานควรเว้นระยะการใช้งานให้เหมาะสม โดยดูจาดอาการของต้น หรือการระบาดที่ลดลง หากไม่มีการระบาดแล้ว เป็นระยะป้องกัน ก็สามารถลดความถี่การใช้งานลงได้

การดูแลรักษาแบบปลอดสารพิษจะให้ได้ผลนั้น ต้องใช้ความสม่ำเสมอ และต่อเนื่อง จึงจะเห็นผลลัทธ์ที่ชัดเจน และถ้าหากเคยใช้สารเคมี หรือสารที่เป็นกลุ่มยาฆ่าแมลงมาแล้ว ตัวไรแดง นั้นจะมีอาการดื้อยาอาจจะทำให้การใช้อินทรีย์ หรือปลอดสารพิษไม่ได้ผล หรือมีประสิทธิต่ำ

📌 รวมพิกัด ไอเท็มทำสวนไว้ให้เลือกช้อป !!

Advertisement  / โฆษณา