จัดมุม กระบองเพชร ไม้อวบน้ำ Succulent Corner สร้างความสดชื่นให้กับบ้าน หรือมุมนั่งทำงาน


Succulent Corner 🌵 สร้างความสดชื่นให้กับบ้านหรือ มุมที่ต้องนั่งทำงาน ด้วยต้นกระบองเพชร ไม้อวบน้ำ ไม้ฟอกอากาศ
– หากใครมีต้นอยู่แล้วก็เอามาวางประดับกับของแต่งบ้านต่างๆ หรือ ไม้ประเภทอื่นๆ แต่ถ้าหากพื้นน้อย ก็อาจจะใช้การติดตั้งชั้นที่ผนังเพื่อวาง

คำแนะนำ หากมีหลายต้นอาจจะใช้สลับกันวางตากแดดบ้าง เพื่อให้ต้นไม้ไม่ขาดแสงแดด

—- 🧐 ควรต้องเลือกดูสายพันธุ์ที่เหมาะกับการเลี้ยงในที่ที่มีแสงแดดน้อยได้ เช่น ยิมโน อิชินอป ฮาโวเทีย

—- ☑️ดินที่เลือกใช้ควรเป็นดินปลูก ที่โปร่งและเหมาะสม หรือดินปลูกไม้อวบน้ำโดยเฉพาะ

—- ☀️ แสงแดดนั้นจำเป็นมากับพืชตระกูลนี้ ควรต้องให้ได้รับแสงแดดที่พอเพียง เพื่อไม่ให้ต้นเสียฟอร์ม หรือเกิดการเน่าในดินเพราะความชื้นที่เยอะเกินไป

—- 💦 การรดน้ำควรรดเมื่อดินแห้ง เพราะไม้อวบน้ำนั้น เป็นพืชที่ไม่ต้องการน้ำบ่อย เขาจะเก็บกักน้ำไว้ในตัวเองได้เยอะ ฉะนั้นจึงไม่ต้องรดน้ำบ่อย









การเลี้ยงดู เปลี่ยนกระถางและรายละเอียดต่าง ๆ เพิ่มเติม >> คลิก <<

ขอบคุณภาพไอเดียดีๆ : pinterest

📌 รวมพิกัด ไอเท็มทำสวนไว้ให้เลือกช้อป !!

Advertisement  / โฆษณา

ไอเดีย ชั้นวางกระบองเพชร ไม้อวบน้ำ แบบเก๋ๆ สำหรับคนที่พี้นที่มีน้อย ต้องใช้สอยประหยัด


ไอเดีย ชั้นวางกระบองเพชร 🌵 ไม้อวบน้ำ แบบเก๋ๆ สำหรับคนที่พี้นที่มีน้อย ต้องใช้สอยประหยัด มาฝากกันค่ะ เหมาะกับคนที่อยู่คอนโด หอ หรือมีพื้นที่จำกัด แต่อยากจะมีมุมเขียวๆ มุมเล็กๆ ไว้ให้ดูสดชื่น

มีทั้งที่เป็นงานแบบ DIY เป็นการประยุกต์ของมาใช้ แบบงบน้อย หรือจะซื้อสำเร็จมาตั้ง

ส่วนตำแหน่งการวางนั้นควรจะเป็นที่ ที่มีแสงแดดส่องถึงได้ และถ้าหากตรงที่วางนั้นได้รับแสงไม่เพียงพอ ควรนำต้นเขาออกมารับแสงบ้าง เพื่อป้องกันการเน่า หรืออับชื้นในดิน และต้นเสียฟอร์ม วัสดุที่จะนำมาเป็นพื้นวางควรกันนำและกันชื้นได้ดี









ขอบคุณภาพไอเดียเก๋ๆ : Pinterest

📌 รวมพิกัด ไอเท็มทำสวนไว้ให้เลือกช้อป !!

Advertisement  / โฆษณา

แบบโรงเรือนขนาดเล็ก ข้างบ้าน ใช้พื้นที่น้อย ทำง่าย ประหยัดงบ


สำหรับคนที่พื้นที่น้อย แบบโรงเรือนเล็ก ข้างบ้าน น่าจะช่วยตอบโจทย์ได้ ซึ่งทำได้หลายหลายรูปแบบตามงบประมาณและสถานที่ เป็นไอเดียให้กับคนที่กำลังมองหาแบบ บ้านหลังน้อยให้ต้นไม้สุดที่รักกัน
.
และสิ่งที่ต้องคำนึงถึงในการทำมีอะไรบ้าง
🔺 วัสดุ ความแข็งแรงคงทน นั้นมีความสำคัญเป็นอันดับต้นๆ นะคะ ถ้าหากไม่อยากพบปัญหาเรื่องลมฝนทำพังในอนาคต
🔺 ทิศทางของแสง ที่ต้นจะต้องได้รับ หากแสงน้อยต้นอาจจะยืดและเสียฟอร์มได้ ระยะห่างแต่ละชั้น ควรมีที่ให้แสงให้พอส่องถึงเข้าไปด้านในสุดได้
🔺 วัสดุที่จะเลือกใช้ควรกันน้ำ และทนฝนได้









ใช้แผ่นใส เป็นตัวช่วยป้องกันน้ำฝน ซึ่งมีน้ำหนักเบา และหาซื้อได้ง่าย
ประหยัดงบด้วยการใช้แผ่นพลาสติกผ้าใบ แบบใส

ส่วนลด !! พิเศษ สูงสุด 50% ช้อปเลย..

ใชหลังคาลอนใสเล็กมาทำเป็นตัวช่วยป้องกันน้ำ
แบบประหยัดงบสุด โดยไม่ต้องจ้างช่างสามารถทำได้ด้วยตัวเอง

ขอบคุณภาพ : Pinterest

📌 รวมพิกัด ไอเท็มทำสวนไว้ให้เลือกช้อป !!

Advertisement  / โฆษณา

รดน้ำ ให้น้ำ กระบองเพชร (แคคตัส) ยังไง?? ในช่วงฤดูฝน


สำหรับมือใหม่ที่มีความกังวลว่ากระบองเพชร ไม่ชอบน้ำ และความชื้นที่มากไป แล้วในฤดูฝนจะต้องให้น้ำอย่างไรดี??
ก่อนอื่น เราต้องดูสถานที่เลี้ยงเป็นหลัก เพราะแต่ละคนมีพื้นที่การเลี้ยงที่แตกต่างกัน ทั้งมีโรงเรือน ชายคาบ้าน กลางแดด กลางฝน ซึ่งทั้งหมดเป็นตัวแปรในการให้น้ำ ฉะนั้นสิ่งที่เราต้องประเมินจากสภาพแวดล้อมการเลี้ยง รวมกับดินปลูกของเรานั้นแห้งเร็ว และช้าขนาดไหน

วิธีเช็คว่าดินแห้ง หรือยังชื้น >> คลิก <<










สถานที่เลี้ยงแต่ละแบบก็มีผลต่อการแห้งของดินที่แตกต่างกัน ฉะนั้นการให้น้ำในฤดูฝนก็จะแตกต่างกันไป

เลี้ยงชายคาบ้าน หรือโรงเรือนแบบเปิดข้าง มีโอกาสโดนฝน ก็จะใช้การประเมินดิน และต้นเป็นหลัก โดยการให้น้ำควรจะลดปริมาณลง แต่จะให้ตามการแห้งของดินเป็นหลัก เน้นในแห้งเร็ว แต่ก็ระวังไม่ให้ต้นขาดน้ำมากไป คือ จากที่รดแช่จนน้ำออกก้นกระถาง ก็จะลดปริมาณลงครึ่งหนึ่ง เพื่อให้ดินแห้งเร็วขึ้น ไม่เก็บความชื้นเยอะไป

เลี้ยงแบบโรงเรือนปิด ก็จะสามารถคุมการให้น้ำได้ง่าย การรดน้ำก็เน้นให้แห้งเร็ว ลดปริมาณน้ำลงเหมือนกัน หรือเพิ่มระยะการให้น้ำให้ห่างขึ้นจากเดิม เพราะในฤดูฝนอาจจะทำให้ฟ้าปิด ไม่มีแสงแดดติดต่อกันหลายวัน ดินก็จะแห้งช้ากว่าฤดูอื่นๆ

และในฤดูฝนช่วงที่ฝนใกล้ตก เป็นช่วงอากาศร้อน และเย็นเจอกัน ภายโรงเรือนจะมีความอบ และชื้นสูงอีกด้วย ซึ่งต้องระวังเพราะความชื้นสามารถแทรกซึมไปได้ทุกที ควรใช้พัดลมช่วยระบาย หรือเปิดโรงเรือนให้ลมผ่าน ในช่วงนี้ความชื้นในอากาศเยอะ

– เลี้ยงแบบแดดร้อยฝนร้อย ก็แค่ปล่อยให้ดินแห้งจริงๆ ค่อยรดน้ำค่ะ เพราะช่วงฝนติดกันดินจะชื้นมาก สิ่งที่ต้องระวังคือ การเน่า ถ้าที่ตั้งหรือวางต้น อากาศไม่ถ่ายเท ลมไม่ผ่าน การแห้งของดินช้า อาจจะทำให้ดินชื้นเกินจนไม้เน่า และยังเสี่ยงกับการที่ดินอุ้มน้ำเยอะ ความชื้นมาก จนอาจจะทำให้เกิดเชื้อราที่รากซึ่งจะเป็นสาเหตุของการเน่าจากรากและล่ามสู่ต้น

วิธีที่จะช่วยให้ลดความชื้นในกระถางได้ดีคือ การเลี่ยงใช้วัสดุรองก้นกระถางที่เก็บความชื้นสูงอย่างเช่น กาบมะพร้าวสับ เพราะจะช่วยอุ้มน้ำไว้มากเกินไป ใช้เป็นหินภูเขาไฟ หรือถ่านจะช่วยให้ระบายความชื้นได้ดีกว่า

แต่สิ่งสำคัญคือ การเฝ้าตรวจดูอาการของไม้ ว่ามีอาการผิดปกติหรือไม่ เผื่อถ้ามีเหตุฉุกเฉินยังพอช่วยชีวิตเขาไว้ได้ทัน

กระบองเพชร รากเสีย รากตาย แก้ได้ง่ายๆ ได้รากใหม่ ต้นกลับมาแข็งแรงเหมือนเดิม


บ่อยครั้งที่เรารับต้นใหม่เข้าบ้าน ทำให้เราไม่รู้ประวัติของต้นก่อนจะมาถึงเรา และไม่ทราบสาเหตุ ที่ทำให้เรานำไม้มาปลูกแล้วเกิดปัญหา ต้นไม่โต รากไม่เดิน หรือแย่สุดคือ รากเน่าจนกินเข้ามาจนถึงแกนต้น และเน่าลามจนเกิดเยี่ยวยา

แต่ข้อสันนิษฐาน คือ ให้สังเกตไม้ก่อนนำเข้าบ้านว่า มีลักษณะสมบูรณ์หรือไม่ รากยังขาวแข็งแรงไม่เหี่ยวแห้ง ต้นไม่มีอาการนิ่ม หรือฝ่อบริเวณโคน เพราะอาการเหล่านี้ สามารถบ่งชี้ถึงสภาพแวดล้อมหรือการเลี้ยงก่อนหน้านี้ได้ว่า อาจจะได้รับน้ำไม่เพียงพอ หรือ ถ้าเป็นไม้ที่ถอดรากมา จะไม่เห็นสภาพของดินเดิม ก็อาจจะทำให้ยากต่อการประเมิน อาจจะต้องใช้วิธีทดลองปลูกก่อน และถ้าในระยะเวลา

หลังจากปลูก ราว 2 สัปดาห์แล้ว ต้นยังไม่มีการฟื้นตัวใดๆ ยอดไม่เดิน และเมื่อรื้อรากมาดู รากก็ไม่เดินหรือ งอกใหม่ อาจจะตั้งข้อสันนิษฐานได้ว่า รากเก่านั้นอาจจะมีปัญหา ไม่ว่าจากการขาดน้ำมานาน หรือโดนโรค และแมลงรบกวน









วิธีแก้แบบที่จะสามารถลดอัตราการตายหรือสูญเสียได้ อีก 1 วิธี คือ การตัดรากเดิมทิ้งทั้งหมดและกระตุ้นให้เขาสร้างรากใหม่ขึ้นมาทดแทน
ซึ่งในการเปลี่ยนกระถางเราจะนิยมตัดแต่งรากกันอยู่แล้ว แต่จะต่างกับในลักษณะนี้ เพราะจะเป็นการตัดจนกุดและเลี้ยงรากใหม่แทน

Re-cacutus-root333

วัสดุ / อุปกรณ์ที่ใช้

– เม็ดดินเผา ( Popper)
– กระถาง
– ถาดหล่อน้ำ
วัสดุเสริม ที่อาจจะใส่เพิ่ม แต่ถ้าหากไม่มีก็ไม่เป็นไร
เช่น – วิตามินบำรุงแบบผสมไปกับน้ำ – ปุ๋ยอินทรีย์บำรุง
ที่ร้านจะไม่ใช้เคมี เลยจะใช้เป็นก้อนฟอสเฟตที่เกิดจากการตกผลึกของมูลค้างคาวในถ้ำจนจับตัวเป็นก้อน ซึ่งจะมีแร่ธาตุ และสารอาหารอยู่ในตัวเยอะ ช่วยกระตุ้นการเกิดรากใหม่ได้ดี




ขั้นตอนการทำ

1. ตัดรากจนถึงโคนต้น และให้มั่นใจว่า ต้นยังไม่ได้มีอาการเน่า เพราะถ้าหากมีอาการเน่า และลามถึงต้นแล้วนั้น จะไม่สามารถใช้วิธีนี้ได้

2. วางทิ้งไว้ในที่ที่มีอากาศถ่ายเท อาจจะมีแสงแดดอ่อนๆ ส่องในช่วงเช้าๆ เพื่อเป็นตัวช่วยให้เแผลที่ตัดแห้งเร็ว และจะช่วยฆ่าเชื้อด้วยไปในตัว สัก 4- 7 วัน ทั้งนี้ระยะนั้นขึ้นอยู่กับสถานที่และสภาพแวดล้อมที่วาง

3. หลังจากแน่ใจแล้วว่าแผลแห้งสนิท ให้นำเม็ดดินเผาใส่กระถาง และอาจจะมีวัสดุเสริมที่เป็นตัวบำรุงเพิ่มผสม นำต้นวางไว้ด้านบน แล้วนำต้นวางลงบนเม็ดดินเผา

4. ใส่น้ำหล่อสักประมาณ 1 ซม. จากก้นกระถาง วางไว้ในที่ๆ มีแสงร่ำไร ชายคาบ้าน หรือแดดเช้า ห้ามนำไปตากแดดโดยตรง

5. ค่อยหมั่นเติมน้ำเมื่อน้ำแห้งอยู่เสมอ

Re-cacutus-root.222jpg

คำถามที่พบบ่อย

• นานไหมกว่ารากจะงอกออกมาใหม่???

จากการทดลองกับหลายสายพันธุ์และหลายชนิด พบว่า ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ด้วย บางสายพันธุ์ อาจจะใช้เวลา เพียง 1 สัปดาห์ บางสายพันธุ์อาจจะใช้ระยะเวลา 2-3 สัปดาห์ และอีกปัจจัยคือ สภาพแวดล้อมที่ใช้วางนั้นเอื้อต่อการสร้างรากใหม่หรือไม่ รวมทั้งความแข็งแรงของต้น หากต้นมียังมีพลังงานสะสมไว้ในตัวเองเยอะ ก็ยิ่งจะทำให้ฟื้นตัวได้เร็ว และทำให้รากงอกเร็วขึ้นด้วย

• หลังจากที่มีราก นานไหมกว่าจะนำมาลงปลูกใหม่???

ให้สังเกตและดูความสมบูรณ์ของรากเป็นหลัก ควรมีความยาวอย่างน้อย 1.5 -2 ซม. และมีรากแก้วที่แข็งแรงแล้ว ถึงจะนำมาปลูกลงดินได้




• แล้วปลูกเหมือนการปลุกทั่วไปเลยไหม ???

วิธีการปลูกเหมือนกับต้นไม้ทั่วไป แตกต่างตรงที่หลังปลูกให้รดน้ำพอชุ่มๆ ทันที เพื่อรักษาความชื้นให้ใกล้เคียงกับสภาพเดิมที่เคยอยู่ตอนที่ล่อราก และก็ให้รดน้ำครั้งต่อไปเมื่อดินแห้งตามที่เลี้ยงปกติ

หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อย สำหรับผู้ที่ประสบปัญหา การลงปลูกแล้วรากไม่เดิน หรือ รากตาย จากการขาดน้ำมานาน หรือโรค แมลงรบกวน

📌 รวมพิกัด ไอเท็มทำสวนไว้ให้เลือกช้อป !!

Advertisement  / โฆษณา

เพิ่งจะลงปลูกใหม่ รากก็เดิน ทำไม…กระบองเพชร (แคคตัส) โคนต้นยุบ ไม่โตขึ้น


pot_not_support.jpg

หลายคนเกิดความสงสัยว่า ทำไมต้นเพิ่งลงปลูก แต่กลับโคนยุบตัว หรือไม้นิ่ง ไม่โต สาเหตุที่เกิดมีได้หลายปัจจัย แต่อีกปัจจัยที่เล็กน้อย และเราอาจจะมองข้ามไปก็คือ การเลือกกระถางให้เหมาะกับต้น สภาพอากาศ สายพันธุ์ และการให้น้ำ

กระบองเพชร (แคคตัส) นั้นมีหลายหลายสายพันธุ์ และแต่ละสายพันธุ์ ก็ต้องการความชื้นที่แตกต่างกัน อย่างเช่น แอสโตร ยิมโน เมโล เป็นสายพันธุ์ที่ชอบน้ำมากกว่า สายพันธุ์อื่นๆ สภาพอากาศที่เลี้ยงแต่ละคนก็แตกต่าง ชนิดไม้ที่ปลูกก็มีความหลากหลาย การให้น้ำในกรณีที่ปลูกรวมกัน และจำนวนเยอะ อาจจะไม่สามารถรดน้ำตามประเภทของไม้ได้ จึงต้องให้น้ำรวมพร้อมกันทีเดียว

ฉะนั้น เมื่อไม้ได้รับน้ำเท่ากัน แต่ความแตกต่างที่ต้องการน้ำต่างกัน อาจจะทำให้บางต้นได้น้ำเยอะมากไป หรือบางต้นขาดน้ำ วิธีการที่จะช่วยแก้ปัญหานี้ได้คือ การเลือกกระถางให้เหมาะสม ตั้งแต่ครั้งแรกที่ปลูก ขนาด ความลึก ประเภทของวัสดุ ล้วนมีปัจจัยรวมกันทั้งหมด









pot_not_support-2

อย่าง แอสโตรต้นนี้ กระถางที่เลือกใช้ตื้นเกินไป เมื่อใส่หินรองแล้ว พื้นที่ที่ใส่ดินก็น้อยลงไปอีก เมื่อนำไปเลี้ยงในที่แดดจัด ลมแรง ดินแห้งไว้ ทำให้ความชื้นระเหยเร็วเกินไป ต้นจึงได้รับความชื้นไม่เพียงพอ

pot_not_support-6
pot_not_support-5




ไม้ที่ชอบน้ำ อาจจะใช้กระถางที่มีก้นลึก เพื่อทำให้เก็บความชื้นได้มากขึ้น ส่วนต้นที่ชอบน้ำน้อย ก็จะเลือกเป็นประเภทปากกว้าง แต่ก้นแคบ เพื่อที่จะได้ระบายความชื้นได้ดีขึ้น ซึ่งในตอนนี้มีกระถางที่ผลิตโดยผู้ปลูกกระบองเพชรอยู่หลายเจ้า ที่นำประสบการณ์มาพัฒนาการผลิตกระถางให้เหมาะกับต้น และลักษณะการปลูก

pot_not_support-4

📌 รวมพิกัด ไอเท็มทำสวนไว้ให้เลือกช้อป !!

Advertisement  / โฆษณา

กระบองเพชร ต้นย่น ซีดเหลือง มีแผลบริเวณผิว เกิดจากอาการไหม้แดด ขาดน้ำ จะต้องรักษา ดูแล ยังไง??


ในช่วงฤดูร้อน และหนาว ที่แสงแดดจะแรง อากาศแห้ง จนทำให้เกิดอาการไหม้แดด ซึ่งถ้าเป็นอาการที่ผิว ลักษณะที่เกิดเป็นแผล วิธีแก้ก็คือ นำต้นเข้ามาพักหลบแดด ยิ่งในกรณีที่เป็นไม้ด่าง ผิวจะยิ่งมีความไวต่อแสงมากกว่า ต้นที่เป็นสีเขียว

และถ้าแผลไหม้เยอะ แผลลึก ต้องระวังตอนรดน้ำ เพื่อไม่ให้เกิดอาการเน่าลุกลาม จากแผลติดเชื้อ และแผลส่วนนั้นจะเป็นเหมือนแผลเป็น ไม่สามารถรักษาให้หายได้ รอเวลาให้แผลค่อยๆ ไล่ลงด้านล่างของต้น

cactus-burn5.jpg









cactus-burn2.jpg
ต้นอิชินอป ด่าง ที่ซีดเหลือง เพราะโดนแดดแรง

อาการไหม้แดด วิธีป้องกันคือ การหมั่นคอยสังเกต หากต้นเริ่มมีอาการซีด เหลือง อาจจะเป็นเพราะตำแหน่งที่วางนั้นโดนแดดมากเกินไป อาจจะต้องทำการเปลี่ยนที่วาง หรือกางสแลนช่วยพลางแสง เพราะตำแหน่งที่วางนั้น แดดมีการเปลี่ยนทิศทางตามฤดูกาล ทำให้ตำแหน่งที่วางเดิมนั้นอาจจะไม่เหมาะกับฤดูนั้นๆ

1566637418175.jpg
ภาพจากคุณลูกค้า ที่ส่งมาสอบถามอาการ และรักษาจนแผลแห้งและค่อยๆ ไล่ลงด้านล่าง

ส่วนอาการต้นยุบ หรือโคนยุบ ต้องแก้จากระบบรากที่มีหน้าที่ดูดซึมมีปัญหา โดยแยกได้เป็น 3 สาเหตุคือ

1. น้ำที่ได้รับไม่พอให้รากดูดซึม เพราะอากาศที่ร้อนจัด ทำให้ดิน แห้งเร็วมาก จนทำให้ได้รับความชื้นไม่พอที่ต้นจะนำไปใช้

แก้ไขได้โดยเว้นระยะห่างการรดน้ำตามฤดู หรือสภาพอากาศ แทนการนับวันรดน้ำ เพราะในฤดูร้อน หรือหนาว การระเหยของน้ำจะเร็ว ต้นเองก็คายน้ำมากขึ้น

วิธีดูว่าดินแห้ง หรือยังทำได้โดย
– ใช้ไม้จิ้มฟัน จิ้มลงในดิน หากดินแห้งมาก จะไม่มีเศษดินหรือความชื้นติดมากกับไม้
– ยกกระถางเทียบน้ำหนัก ตอนรดใหม่ให้ลองยก 1 ครั้ง และ หลังจากนั้น 2-3 วัน ลองยกเทียบดูอีกที หากเบาต่างกันมากๆ แสดงว่า ไม่มีความชื้นในดินแล้วให้รดน้ำได้เลย
– ใช้วัสดุโรยหน้ากระถาง ที่เป็นจำพวก ดินญี่ปุ่น ดินอคาดามะ ที่จะทำให้เราสังเกตสีจากดินเพื่อดูความชื้นได้ง่ายขึ้น

2. ระบบรากมีปัญหา ซึงอาจจะมาจาก 3 สาเหตุหลักใหญ่ ๆ

– เกิดจากรากที่เสื่อมประสิทธิภาพ เพราะดินเก่าไม่ได้เปลี่ยนดินนาน เนื้อดินหมด หรือน้อยลง มีแต่หิน ทำให้รากไม่ได้มีการฟื้นฟู หรือรากเกิดใหม่ รากจึงไม่สามารถทำหน้าที่ได้เต็มประสิทธิภาพ
– มีเพลี้ยกัดกินราก แม้จะรดน้ำมากเท่าไหร่ ต้นก็ยังดูซูบ เหี่ยว ไม่ฟื้นตัว นั้นอาจจะเป็นเพราะเพลี้ยได้ไป เกาะกินราก แย่งอาหารที่จะนำไปเลี้ยงต้น
– ดินที่ใช้ปลูกอาจจะไม่เหมาะสม ในการปลูก เช่นเนื้อดินแน่นไป ไม่ร่วนซุยและโปร่งพอ หรือใช้วัตถุอินทรีย์ที่ยังย่อยสลายได้ไม่สมบูรณ์ ทำให้เกิดความร้อนในดิน จนเกิดอาการรากกุด หรือรากเน่า ระบบรากเดินไม่ดี




3. ต้นที่เพิ่งปลูกใหม่ รากยังไม่เดินดี ไม่ฟื้นตัว

ต้นที่ปลูกใหม่ ระบบรากจะต้องใช้ระยะเวลาในการฟื้นตัว ในระยะแรกสักพัก เมื่อระบบรากเดินดี และฟื้นตัวเต็มที่ ต้นก็พร้อมที่จะเจอกับแสงแดดปกติที่เราเลี้ยง แต่หากช่วงแรกที่รากยังไม่ฟื้น หรือยังเดินไม่ดี เมื่อเจอแดดแรง การคายน้ำสูง รากไม่สามารถทำงานได้เต็มที่ ก็จะทำให้ต้นไหม้ และเหี่ยวได้เช่นกัน และหากทิ้งไว้นาน จนรากแห้งเสีย อาจทำให้เกิดการยืนต้นตายได้ ฉะนั้นต้นที่เพิ่งลงปลูกใหม่ ควรเลี้ยงในแดดที่ได้รับการพรางแสงมากกว่าปกติ เพื่อช่วยให้ต้นฟื้นฟูได้เร็

อาการของต้นนี้เกิดจากรากเก่า เพราะดินเสื่อมสภาพ ไม่มีเนื้อดินมากพอที่จะเก็บความชุ่มชื้น ทำให้ ต้นไหม้แดดได้ง่าย การเปลี่ยนกระถางเมื่อถึงเวลา ไม่ปล่อยให้ไม้อั้นกระถาง จึงมีความจำเป็น เพื่อให้ต้นไม้แข็งแรง และเจริญเติบโตได้ต่อเนื่อง

📌 รวมพิกัด ไอเท็มทำสวนไว้ให้เลือกช้อป !!

Advertisement  / โฆษณา

“แสงแดด” กับการเลี้ยงกระบองเพชร (แคคตัส) ไม้อวบน้ำ


คำถามสำหรับคนที่เลี้ยงกระบองเพชร ไม้อวบน้ำ ตามมานอกเหนือจากการให้น้ำ  ก็คือเรื่อง “แสงแดด”
ที่เป็นปัจจัยหลักสำคัญอีกอย่างในการเลี้ยงและปลูกพืชวงศ์นี้ เพราะด้วยถิ่นกำเนิดที่มาจากพื้นที่แห้งแล้ง ทะเลทราย ที่มีแสงแดดส่องตลอดยาวนานทั้งวัน ตัวเขาเองจึงต้องการแสงแดดมากกว่าพืชชนิดอื่นๆ
       แต่แสงแดดที่ต้องการนั้น ก็ยังมีระดับความเข้มข้นแตกต่างกันตามสายพันธุ์อีกด้วย ฉะนั้นหากจะเลี้ยงหลากหลายสายพันธุ์ ก็ควรจะต้องมีความรู้ความเข้าใจในความต้องการแสงของแต่ละสายพันธุ์ เพราะในบางสายพันธุ์ เมื่อขาดแสง หรือได้ไม่เพียงพอ อาจจะมีผลกับลักษณะฟอร์มของต้น สี หรือแว็กซ์ที่เคลือบผิว

light_n_cactus2.jpg
ต้นนี้เคยถูกเลี้ยงในที่แสงน้อย ก่อนหน้านี้ฟอร์มคริสจะไม่ชัด ยืดยาว ไม่บิดเป็นเกลียว หลังจากปรับแสงฟอร์มต้นก็จะสวยขึ้น สีที่เป็นเอกลักษณ์ของตอบลูที่เป็นสีฟ้าและผิวแว็กซ์ก็เห็นเด่นชัด









light_n_cactus3.jpg
หลังจากพักฟื้น นำมาเทรนแดดใหม่ ผิวแว็กซ์ก็เพิ่มขึ้น
light_n_cactus4.jpg
หากเป็นไม้ที่ฟอร์มเสีย อาจจะต้องใช้ระยะเวลานาน กว่าที่ไม่จะไล่ฟอร์มกับมาใหม่

แล้วถ้าสถานที่ไม่อำนวย ไม่มีแสงตลอดวันจะเลี้ยงได้ไหม ?? 

คำตอบคือ ได้ แต่ก็จะส่งผลตามมาหลายๆ อย่าง อาทิเช่น การเจริญเติบโตที่ช้า ฟอร์มของต้นอาจจะไม่สวยตรงตามลักษณะสายพันธุ์ โอกาสเกิดโรคบางประเภทจะสูงกว่า การที่เลี้ยงแล้วให้ออกดอกจะมีโอกาสน้อย

แล้วแสงแดดแค่ไหนถึงพอที่จะเลี้ยงได้ ??

ถ้าสถานที่พร้อม มีที่รับแสงได้ยาวตลอดวัน ไม่ว่าสายพันธุ์ไหนก็สามารถเลี้ยงได้ แค่ปรับแสงให้เหมาะสมตามสายพันธุ์ แต่ถ้าเป็นใต้อาคาร บ้านเรือน มีแดดส่องไม่นาน อาจจะต้องเลือกสายพันธุ์ที่ ไม่มีผลกระทบเยอะเมื่อได้รับแสงน้อย  ชั่วโมงแดดอย่างน้อย ควร 3-4 ชม. / ต่อวัน ในกรณีที่สถานที่ไม่เอื้ออำนวย

44471222_1896431320652281_4001413604237639680_n
กระถางนี้เลี้ยงใต้ชายคาบ้าน ได้รับแสงเช้า 3-4 ชม. ต่อวัน ยังสามารถเลี้ยงได้ปกติ แต่การเจริญเติบโตอาจจะช้า

แล้วมีวิธีแก้ในการเลี้ยงที่แสงแดดไม่พอหรือไม่ ??

โดยส่วนมากก็จะนิยมยกนำไปวางในสถานที่ที่มีแสง หรือถ้าเป็นชายคาบ้าน อาจจจะต้องคอยหมุนตำแหน่งการวางเผื่อให้ต้นได้รับแสงทั่วทุกด้าน และในช่วงที่ฤดูเปลี่ยน แสงจะเปลี่ยนทิศ ตรงที่ที่วางเคยได้แดดอาจจะไม่มีแสง หรือแสงแรงเกินไป ควรต้องหาสถานที่วางใหม่ๆ ให้เหมาะสม
และในกรณีที่ยกไม้ไปตากแดดเพื่อรับแสง ก็มีข้อต้องระวังคือ อากาศที่เปลี่ยนแปลงกระทันหัน อาจจะทำให้ต้นไม้ปรับตัวไม่ทัน หรือถ้าหากพึ่งรดน้ำใหม่ๆ ควรงดยกไปตากแดดจัด เพราะจะมีน้ำขังอยู่ในดินเยอะ เมื่อเจออากาศร้อน จะเป็นเหมือนน้ำร้อน ที่จะต้มต้นไม้เราได้
และอีกหนึ่งวิธีที่นิยมใช้ก็คือ ใช้เป็นการเลี้ยงด้วยหลอดไฟ เฉพาะที่มีแสงเข้มข้น เพื่อทดแทนแสงจากดวงอาทิตย์

สุดท้ายแล้วสิ่งสำคัญของการเลี้ยง คือ การคอยเฝ้าสังเกต เพราะแสงแดดในแต่ละฤดูก็มีความแตกต่างกัน บางช่วงหน้าร้อน ตรงที่เคยวางแดดอาจจะแรงจนต้นไหม้ได้ หรือยิมโนบางต้น บางสายพันธุ์ สามารถเลี้ยงแดดแรง แดด100% ได้ แต่บางต้นนั้นอาจจะไม่สามารถทนแดดแรงได้ ผิวอาจจะแห้งกร้าน ทำให้เม็ดสีที่ผิวกระดำกระด่าง และความเข้มข้นแสงสถานที่เลี้ยง ไม่ว่าจะเป็นโรงเรือน หรือเปิดโล่งไม่พรางแสง ก็สามารถเลี้ยงได้ แต่ควรต้องเทรนแดดให้ไม้ค่อยๆได้ปรับตัวหลังจากการปลูก และดูตามความเหมาะสมของสายพันธุ์

“ขอแค่เข้าใจลักษณะสายพันธุ์ และปรับให้เขากับความเอื้ออำนวยของสถานที่
เพียงเท่านี้เรา และต้นไม้ก็จะมีความสุขไปด้วยกันได้” 

📌 รวมพิกัด ไอเท็มทำสวนไว้ให้เลือกช้อป !!

Advertisement  / โฆษณา

เลี้ยงกระบองเพชร (แคคตัส)ยังไง ให้ออกดอก?


ถ้าหากจะเลี้ยงให้ออกดอกนั้น มีปัจจัยหลายด้าน สภาพแวดล้อม และการดูแลที่เหมาะสม ถ้าขาดองค์ประกอบอย่างใดอย่างหนึ่ง ก็อาจจะทำให้ต้นไม่สมบูรณ์และออกดอกได้

• สายพันธุ์ ฤดูกาล และอากาศ

สายพันธุ์ของกระบองเพชรนั้นมีหลากหลาย ในแต่ละสายพันธุ์นั้นก็ออกดอกถี่ มากน้อยแตกต่างกัน ซึ่งปัจจัยหลักที่จะทำให้เขาออกดอก คือ ฤดูกาล หากเป็นฤดูที่ตรงช่วงออกดอกนั้น จะมีโอกาสออกได้บ่อยและมีปริมาณเยอะ หรือบางสายพันธุ์ออกดอกต่อเนื่องทั้งปี มีดอกมากน้อยตามฤดูกาล

บางสายพันธุ์ออกเป็นช่วงฤดูกาล หากหมดฤดูที่เป็นช่วงออกดอกแล้ว ก็จะไม่ค่อยมีดอกและพักตัว โดยส่วนมากจะพักตัวในช่วงฤดูหนาว เช่น สกุลยิมโน (Gymnocalycium) แอสโตร (Astrophytum) และจะมีดอกอีกครั้งในฤดูร้อน ส่วนพวกที่มีดอกเรื่อยๆ เช่น สกุล แมม (Mammillaria) จะมีดอกให้เห็นทั้งปี แต่จะมีช่วงที่ฟอร์มสวย และดอกสมบูรณ์มากสุดคือ ฤดูหนาว









• อายุของต้น และความสมบูรณ์

ถ้าเริ่มเลี้ยงจากต้นเล็ก อาจจะต้องรอและใช้ระยะเวลาให้เขาโตพอที่ออกดอก ซึ่งระยะเวลาไม่มีแน่นอน เพราะถ้าความสมบูรณ์ของต้นมีมากพอ แม้อายุไม่เยอะมากก็สามารถให้ดอกได้ แต่ก็เป็นสัดส่วนที่น้อยกว่า
โดยเฉลี่ยจากหลังจากเพาะเมล็ด 5-8 เดือน และนำมาเลี้ยงต่อแบบปกติ โดยประมาณอายุไม้ 2-4 ปีขึ้นไปถึงจะมีโอกาสที่จะเริ่มออกดอก หรือถ้าเป็นไม้บางสายพันธุ์ ขนาดที่โตแล้ว ราว 4-6 ซม. ก็เริ่มเป็นขนาดต้นที่มีโอกาสที่จะออกดอกได้แล้ว (หรือที่นิยมเรียกกันว่า ขนาดแม่พันธุ์ เพราะสามารถมีดอก เพื่อใช้ผสมเกสรได้)

• แสงแดดที่เหมาะสมกับสมสายพันธุ์

ในการเลี้ยงที่ให้ออกดอก แสงแดดนั้นมีส่วนสำคัญมากที่สุด หากต้นที่เลี้ยงได้รับแสงแดดที่เพียงพอ ไม่ว่าจะเป็นความเข้มข้น และระยะเวลาที่ได้รับแสงแดดต่อเนื่องต่อวัน เมื่อมีปัจจัยทุกอย่างครบ ความสมบูรณ์ของต้นเพียงพอ กระบองเพชรจะสามารถมีดอก และออกดอกได้อย่างต่อเนื่อง

• สารอาหารที่ได้รับเพียงพอ

ต้นไม้ทุกชนิดที่เลี้ยงในกระถางนั้น เขาไม่มีโอกาสที่จะหาอาหารได้เอง สิ่งสำคัญที่จะทำให้เขาสมบูรณ์แข็งแรงก็คือ การได้รับสารอาหารที่เพียงพอจากการให้เสริมเพิ่ม หรือเมื่อใช้ดินปลูกไปเป็นระยะเวลานาน ก็ควรต้องเปลี่ยนดินให้ใหม่ เพราะเมื่อปลูกไม้กระถางนานๆ สารอาหารที่อยู่ในดินถูกใช้ไปเรื่อยๆ อาจมีโอกาสลดลงหรือหมด ทำให้การเจริญเติบโตที่สมบูรณ์ลดน้อยลง

ซึ่งธาตุอาหารหลักที่จำเป็นต่อ กระบองเพชร และต้นไม้ทุกประเภท ก็คือ N P K ไนโตรเจน ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม ซึ่งค่ากลาง หรือ P (ฟอสฟอรัส) นั้น เป็นธาตุ ที่ช่วยเรื่องการออกดอก ติดดอกได้ดี หากต้องการเลือกปุ๋ยที่ช่วย หรือเน้นเรื่องดอก ให้ดูที่ค่ากลางสูงกว่าค่าอื่นๆ

ส่วนที่ร้านเราไม่ใช้สารเคมี เป็นเกษตรอินทรีย์ จะใช้เป็นปุ๋ยอินทรีย์ที่มาจาก มูลค้างคาว ซึ่งในมูลค้างคาวน้้น มีค่าธาตุอาหารที่จำเป็นต่อพืชครบทุกตัว และมีค่า ฟอสฟอรัส ที่สูงจึงช่วยเรื่องการออกดอก และถ้าหากใช้ในไม้ผล ก็จะช่วยเรื่องขั้วเหนี่ยว

คำถามที่พบบ่อยๆ เกี่ยวกับ การออกดอกของกระบองเพชร (แคคตัส)

– กรณีที่ดอกกำลังจะบาน ไม่บานฝ่อไป หรือบานได้ไม่สุดนั้น อาจจะเป็นเพราะช่วงที่กำลังจะบานนั้น แสงแดดที่ได้รับอาจจะไม่เพียงพอ
– กรณีที่มีตุ่มดอกออกมาแล้วหลุดไป อาจจะเป็นเพราะ น้ำ อาหาร แสงแดดที่เป็นปัจจัยหลัก ถูกชะงักไป กระบวนการที่ต้องใช้พลังงานเยอะในช่วงออกดอก ไม่สามารถทำได้ต่อเนื่อง