DIY ทำป้ายไม้ ป้ายแท็ก ต้นไม้ กระบองเพชร (แคคตัส)


369963669

ป้ายไม้ บอกชื่อต้นไม้ ป้ายราคา เราก็สามารถทำได้ด้วยตัวเอง วัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ ก็หาได้ง่ายๆ ไม่ต้องกลัวเป็นรา เพราะก้านเป็นพลาสติก

369963669-2









วัสดุ อุปกรณ์ ที่ต้องเตรียม

 – ไม้ไอศครีม ( หาได้ตามร้านอุปกรณ์เครื่องเขียน )
– ก้านพันสำลี ปั่นหู ( ร้าน 20 บาท ทุกอย่าง )
– กาว UHU หลอดเหลือง
– คัตเตอร์
– ปากกา แบบกันน้ำ
– ไม้บรรทัด

งบประมาณ ที่ใช้ทำ

ไม้ไอศครีม 35 บาท / ก้านพันสำลี 20 บาท / กาว UHU 22 บาท
รวมค่าวัสดุทำป้าย  77 บาท

369963669-3

📌 รวมพิกัด ไอเท็มทำสวนไว้ให้เลือกช้อป !!

Advertisement  / โฆษณา

โลกใบจิ๋ว จากขวดโหล รีไซเคิล (สวนขวดกระบองเพชร)


cactus_terrarium

ขวดโหลที่ใส่ขนม กาแฟ ที่ซื้อมาถ้ากินหมดแล้ว อย่าทิ้ง เพราะ เอามาทำเป็น #สวนขวด 🌵🌱เล็กๆ ได้ วางไว้บนโต๊ทำงาน มุมบ้านก็ได้ ดูแลง่าย รดน้ำง่าย ประหยัดพื้นที่

วัสดุอุปกรณ์ ที่ต้องเตรียม

1. ขวดโหล ที่ล้างทำความสะอาดแล้ว
2. ดินปลูก กระบองเพชร แคคตัส
3. หิน กรวดแม่น้ำ
4. หินก้อนใหญ่
5. ต้นแคคตัส (กระบองเพชร) ขนาดเล็ก
6. ตุ๊กตาประดับตกแต่ง









*** สิ่งสำคัญในการเลี้ยงแบบนี้ คือ ชั้นหินต้องค่อนข้างสูงกว่าการเลี้ยงต้นไม้ในขวดแบบอื่นๆ เพื่อให้ความชื้นไม่มากไป *** และเป็นการเลี้ยงแบบเปิดฝา เพื่อป้องกันการเน่า

97845

ล่อราก ชำหน่อ ยิมโนด่าง : รีวิว วัสดุใช้ล่อราก (Gymnocalycium Variegata)


Review-create_new_root_01

     ในการ “ล่อราก” หรือ ชำหน่อยิมโนด่างนั้น จะค่อนข้างยาก กว่าการล่อรากยิมโนที่ไม่ด่าง และสายพันธุ์อื่น ด้วยความที่เขามีสีที่ด่าง หรือสีเขียวน้อย ทำให้การสังเคราะห์แสง เพื่อเจริญเติบโตจงค่อนข้างยาก บางคนถึงนิยมนำไป “กราฟ” เพราะจะช่วยทำให้ไม้โตไวขึ้น

โดยปกติ การล่อราก สามารถทำได้ทั้งแบบ ระบบเปิด และระบบปิด ซึ่งมีข้อดีเสียแตกต่างกันไป การล่อรากในระบบปิด เสี่ยงต่อการเน่า หรือขึ้นรา การล่อรากแบบเปิด ก็เสี่ยงต่อการที่หน่อฝ่อ รากไม่ออก

สิ่งสำคัญในการล่อรากแบบปิด โดยไม่ใช้ยาเร่งราก หรือยากันรา

• หน่อที่นำมาล่อราก หรือชำหน่อ แผลต้องแห้งสนิท ไม่ฉะนั้นอาจจะทำให้เกิดการเน่า แนะนำให้นำหน่อไปตากแดดอ่อนๆ จะช่วยสมานแผล และฆ่าเชื้อโรคได้

• ภาชนะที่ใช้ หรือวัสดุที่ใช้ควรจะต้องมีความสะอาดเพื่อป้องกันการเกิดรา

• อุณหภูมิที่เหมาะสม อากาศควรถ่ายเทได้ดี แสงแดดที่พอเพียง เป็นช่วงแดดเช้า หรือแดดร่ำไร ประมาณ 40% ห้ามวางในที่ที่อากาศร้อนอบอ้าว หรืออุณหภูมิสูง

• ไม่ควรเคลื่อนย้าย หรือเปิดดูบ่อยๆเพราะอุณหภูมิที่แตกต่างกันมากระหว่างภายในกับภายนอก
อาจจะมีผลกับต้น และการยกดูบ่อยๆ จะเป็นการรบกวน ทำให้รากออกช้า หรือไม่ออก









ขั้นตอนการล่อราก หรือชำหน่อแบบปิด นั้นง่ายมาก
เพียงแค่ใส่วัสดุที่เราใช้ล่อราก 1/3 ของภาชนะที่เราใช้ล่อราก พรมน้ำให้ชุ่ม แล้ววางหน่อของเราไว้บนวัสดุล่อราก โดยไม่ต้องกดหรือฝังแค่วางไว้เฉย หลังจากนั้นก็ปิดฝาให้สนิท คำแนะนำ ภาชนะที่จะนำมาใช้ล่อรากควรเป็น ภาชนะที่รับแสงได้ดี ไม่ควรทึบ หรือแสงเข้าถึงยาก

วัสดุที่เรานำมารีวิวในการล่อราก หรือชำหน่อ ยิมโนด่าง มีดังนี้
•เม็ดดินเผา •เพอร์ไลต์จิ๋ว •ดินอคาดามะ •หินภูเขาไฟ ทีพีไอ •ดินปลูก #mini3garden
โดยมีการนำวัสดุมาผสมกันด้วย
ระยะเวลาที่ใช้คือ 25 วัน
ล่อราก หรือชำหน่อ แบบไม่ใช่ยาเร่งราก และยากันรา


**ปัจจัยที่อาจจะทำให้ได้ ผลผลลัพธ์แตกต่างคือ • สี ความด่าง มาก น้อย • ขนาด และความสมบูรณ์ ของหน่อ
การทดลองนี้ถือว่า 70% สามารถนำมาตัดสินใจใช้วัสดุ แต่ละประเภท และทดลองต่อไป

Review-create_new_root_02
Review-create_new_root_03

-ล่อราก หรือชำหน่อย ยิมโนด่าง โดยใช้ ดินปลูก #mini3garden

Review-create_new_root_04

ล่อราก หรือชำหน่อย ยิมโนด่าง โดยใช้  • ดินอคาดามะ ผสมกับ • หินภูเขาไฟ ทีพีไอ 

ล่อราก หรือชำหน่อย ยิมโนด่าง โดยใช้  • เม็ดดินเผา ผสมกับ •เพอร์ไลท์จิ๋ว

ล่อราก หรือชำหน่อย ยิมโนด่าง โดยใช้  • เม็ดดินเผา ผสมกับ • หินภูเขาไฟ ทีพีไอ

ล่อราก หรือชำหน่อย ยิมโนด่าง โดยใช้  • หินภูเขาไฟ ทีพีไอ


สรุปผลการใช้วัสดุล่อราก ชำหน่อ ยิมโนด่าง แต่ละชนิด

หลังจากการล่อรากเสร็จแล้วก็คือ ขั้นตอนการในไปปลูกในดินปลูกแบบปกติต่อไป โดยไม่ต้องตัดแต่งราก หรือดึงวัสดุที่ติดอยู่กับรากออก เพราะรากที่ล่อ หรือชำนั้นค่อนข้างบอบบาง ไม่ควรมีการกระทบกระเทือนแบบรุนแรง เพราะอาจจะทำให้รากตายได้ จึงต้องควรเบามือ และใช้ความระมัดระวัง ดินปลูกที่ใช้ควรเป็นดินที่มีความชื้นอยู่ในตัว ไม่แห้ง

หลังจากปลูกเสร็จก็สเปรย์น้ำเล็กน้อย และวางไว้ในที่ๆ แดดร่ำไร ไม่ร้อน ให้เขาได้ค่อยๆ ปรับตัว หลังจากผ่านไปประมาณ 2 อาทิตย์ รากก็จะเดินดีแข็งแรง และถ้าหากสังเกตว่า ยอดเริ่มเดินแสดงว่า ระบบรากนั้นสมบูรณ์แล้ว ก็ค่อยนำไปเทรนแดด เพื่อเพิ่มความเข้มข้นของแสง และเลี้ยงตามปกติได้เลย

การรีวิวครั้งนี้ไม่ได้เป็นการฟันธงว่า วัสดุใดดีกว่ากัน แต่เป็นการทดลองเพื่อให้เห็นผลลัพธ์
โดยจะต้องมีการทดลองซ้ำกันหลายครั้งเพื่อเก็บสถิติที่ดีที่สุด


แต่อยากจะให้เป็นไอเดียในการเลี้ยงหรือปลูกต้นไม้ ว่าเรานั้น สามารถทดลองเพื่อหาผลลัพธ์ที่ดีสุด
“การเกษตร ก็คือการทดลอง บันทึก และนำมาวิเคราะห์ต่อ เพื่อต่อยอดให้ดีขึ้นไปอีก”

📌 รวมพิกัด ไอเท็มทำสวนไว้ให้เลือกช้อป !!

Advertisement  / โฆษณา

5 ขั้นตอนง่ายๆ ในการปลูก หรือเปลี่ยนกระถาง แคคตัส กระบองเพชร ไม้อวบน้ำ


cactus_plant_step

สิ่งของที่ต้องเตรียม ในการปลูกกระบองเพชร หรือเปลี่ยนกระถางให้กระบองเพชร (แคคตัส)

🔹 อุปกรณ์ปลูก 
ช้อนตัก อันนี้แล้วแต่ความสะดวก และความถนัด หรือของที่มี จะช้อนพลาสติกที่ตักดินเฉพาะ หรือที่ตักอเนกประสงค์
แปรงปัด ถือเป็นอุปกรณ์เสริม แต่สามารถช่วยอำนวยความสะดวกได้ดี คือเอาด้ามไว้ใช้กด หรือแต่งดิน เสร็จแล้วก็ใช้ส่วนแปรงในการทำความสะอาดเก็บงาน
กระถาง — ตามความเหมาะสมของขนาดต้น ด้วยควรกะขนาดให้เหมาะสม ไม่ใหญ่หรือเล็กเกินไป วิธีวัดกระถาง >>คลิก<<

🔹 วัสดุปลูก
หินรองก้นกระถาง หรือวัสดุรองก้นกระถางที่สามารถหาได้ตามความสะดวก — ที่นิยมให้ จะเป็นหินภูเขาไฟ
ดินผสมพร้อมปลูกกระบองเพชร — ดินปลูก ควรเป็นดินที่ผสมเฉพาะของการปลูกไม้อวบน้ำ
หินโรยหน้ากระถาง — สามารถเลือกใช้ได้หลากหลาย ไม่ว่าจะใช้เป็นหินกรวดแม่น้ำ หินเกล็ด ดินญุี่ปุ่น อคาดามะ หินลาวาดำ









— 🌵🍀 ขั้นตอนการ ปลูก หรือเปลี่ยนกระถาง ในแบบ Mini3garden  🌞 —

• ควรตัดแต่งราก และทิ้งไว้ให้แผลแห้ง ก่อนปลูก ซึ่งจะใช้เวลาเตรียม 3-7 วัน >> วิธีการตัดแต่งราก <<
• ลักษณะดินปลูก ควรมีความชื้นเล็กน้อย ถ้าหากดินแห้งให้สเปรย์น้ำใส่ดินปลูก ก่อนใช้งาน
• หลังจากปลูก งดให้น้ำ ประมาณ 3-5 วัน เพื่อให้รากไม้ฟื้นตัว >> วิธีดูแลหลังจากการปลูก <<

วิธีการปลูกลงกระถาง
1. ลองวัดขนาดต้น และความเหมาะสมของกระถางที่จะใช้
2. ใส่วัสดุรองก้นกระถาง // หินภูเขาไฟ 02
3. ใส่ดินผสมพร้อมปลูก และต้นไม้ เว้นที่ด้านบนเพื่อโรยหินประคองต้น
4. โรยหินเพื่อประคองต้น และกันดินกระเด็นเวลารดน้ำ
5. เก็บงานด้วยแปรง ปัดดิน ส่วนที่เกินออก


ขั้นตอน การปลูก เปลี่ยนกระถาง กระบองเพชร แคคตัส

ในวีดีโอ วัสดุรองก้นที่ใช้จะเป็นขี้ตากระถาง หากทั่วไปก็จะใช้เป็น หินภูเขาไฟ เบอร์ 02 / 3S หรือวัสดุอื่นๆ ตามแต่สะดวก

📌 รวมพิกัด ไอเท็มทำสวนไว้ให้เลือกช้อป !!

Advertisement  / โฆษณา

คำแนะนำหลังจากซื้อแคคตัส กระบองเพชร ไม้อวบน้ำ และพาต้นใหม่เข้าบ้าน ควรทำยังไงบ้าง??


หากเป็นการสั่งซื้อ แคคตัส กระบองเพชร ไม้อวบน้ำ ทางออนไลน์ และถ้าทางร้านส่งเป็นแบบถอดกระถาง ก็จะมีขั้นตอนไม่มาก เพราะทางร้านจะเคาะดินออก และล้างรากแล้ว หรือบางร้านก็จะตัดแต่งรากมาให้พร้อมลงปลูกได้เลย
.
แค่เพียงวางไม้ไว้ในที่ ที่มีอากาศถ่ายเท ให้ไม้ได้ปรับตัวสัก 2-3 วัน กับสภาพแวดล้อมใหม่ แล้วก็นำไปปลูกได้เลย
(**คำแนะนำเสริมอาจจะใช้น้ำผสมปูนขาวอ่อนจางๆ พ่นทิ้งไว้ เพื่อช่วยฆ่าเชื้อ หรือโรคที่อาจจะมีติดมากับต้น )

ส่วนในกรณีแบบที่ซื้อต้นไม้มาทั้งกระถาง 

ควรพักไว้ให้ปรับสภาพแวดล้อมใหม่สัก 2 – 3 วัน และที่สำคัญควรวางไม้ในพื้นที่เฉพาะ☢️☣️ เพื่อป้องกันโรคติดต่อที่อาจจะมีมากับต้นใหม่ ( ในกรณีที่มีไม้ปลูกไว้อยู่แล้ว ) ควรวางแยกกับไม้ที่เราปลูกไว้ให้ห่างกัน เพราะในบางคร้้งอาจจะมีโรคติดต่อที่อยู่ในกระถางที่ซื้อมาใหม่ ซึ่งอาจจะทำให้มาติดกับต้นไม้ของเดิมที่เราปลูกไว้






แนะนำให้นำรื้อกระถางต้นที่ซื้อมาใหม่ และนำปลูกใหม่ ด้วยสาเหตุดังนี้

🤢 – เราไม่รู้ว่าดินที่อยู่ในกระถางนั้น ใช้มานานไหม ดินเสื่อมสภาพแล้วหรือยัง การเปลี่ยนดินใหม่ให้ ทำให้เรากะระยะในการเปลี่ยนดินครั้งต่อไปได้ง่ายขึ้นด้วย
.
🤔 – ดูระบบรากของต้นว่า แข็งแรง หรือไม่ปัญหา หากดูแล้วว่าระบบรากมีปัญหาจะได้รีบแก้ไขได้ทันท่วงที เพราะในบางกรณีไม้ที่เราซื้อมานั้น อาจจะเป็นประเภทไม้ชำ รากอาจจะยังเดินไม่ดี หรือแค่ปักไว้กับดิน และรากยังไม่เดิน
.
👾 – ในบางครั้งมีโรคที่ติดมากับดินในกระถาง เช่น เพลี้ย รา อาจจะต้องรีบทำการรักษา เพื่อไม่ให้มาติดต่อกับต้นไม้ที่เรามีอยู่ โดยแนะนำว่า หากพบโรคในดินให้นำดินนั้นทิ้งไป ไม่ควรนำกลับมาใช้อีก

ในกรณีที่ดูแล้วว่า ดินคุณภาพยังดีอยู่ อาจจะนำดินนั้นมาตากแดด ผสมปุ๋ยเพิ่มแล้วนำกลับมาใช้ใหม่ได้

📌 รวมพิกัด ไอเท็มทำสวนไว้ให้เลือกช้อป !!

Advertisement  / โฆษณา

กระบองเพชร สกุล แมมมิลลาเรีย (Mammillaria ) การเลี้ยง และดูแล


ลักษณะของต้น

เป็นสกุลกระบองเพชรที่มีความหลากหลายของลักษณะ มีทั้งชนิดที่มีหนามแหลม และเป็นขนหนามอ่อนนุ่ม ลักษณะ โครงสร้าง ลำต้น มีเนื้อแกนกลาง แตกออกเป็นตุ่ม และมีหนาม หรือขนหนาม ที่ปลายตุ่ม ขนหมามมีทั้งสีขาว สีเหลืองทอง หรือออกโทนแดง แล้วแต่ชนิดของต้น ซึ่งตุ่มหนามแมมมิลลาเรียบางชนิด สามารถนำมาชำเพื่อขยายพันธุ์ได้ เช่น แมมขนนก

ช่องว่างระหว่างตุ่มหนาม โดยส่วนมากจะมีเป็นปุยขาวลักษณะคล้ายปุยนุ่นสำลีแทรกอยู่ ด้วยลักษณะของแมมมิลลาเรียที่ลำต้นมีเนื้อเยื้อแกนกลางลำต้นค่อนข้างน้อย และอ่อนนุ่ม ธรรมชาติของต้นจึงสร้างปุยขึ้นมาเพื่อปกป้องไม่ให้แกนลำต้นโดนแสงแดดมากเกินพอดี เมื่อเจริญเติบโตอายุมากจะแตกหน่อเป็นกอใหญ่ขยายขึ้นเรื่อยๆ









ลักษณะของดอก

แมมมิลลาเรีย สามารถออกดอกได้ตลอดทั้งปี ขึ้นอยู่กับความสมบูรณ์ของต้นและสารอาหารที่เพียงพอ แต่ฤดูที่มีดอกเยอะ เหมาะกับการขยายพันธุ์ที่สุดคือ ฤดูหนาว ลักษณะการออกดอกจะออกเป็นวงรอบ ต้นหรือหน่อครอบคล้ายลักษณะของมงกุฎ สีของดอกที่พบได้บ่อยคือ ขาว และชมพู ม่วง มีโทนออกแดงเข้มบ้าง แต่จะพบได้น้อยกว่า ดอกจะบานในช่วงตอน สายๆจนถึงเย็น และหุบ ระยะเวลาออกดอก 2-3 วัน ก็จะโรย

การขยายพันธุ์

เพาะเมล็ด ชำหน่อ ปาดยอดให้แตกกอ หรือ ออกหน่อเพิ่ม และมีในบางชนิดสามารถติดฝักได้เองโดยไม่ต้องผสม เช่น แมมพิกุล แมมนิโวซา ซึ่งสกุลแมมมิลลาเรีย จะมีไม้ที่เป็นลูกผสม หรือ ไฮปริด ( Hybrid ) ค่อนข้างเยอะ ซึ่งเป็นไม้ที่ได้จากการผสมข้ามชนิด จึงทำให้มีความหลากหลายในลักษณะของขนหนาม โดยลูกที่ออกมานั้น จะมีลักษณะเด่นของทั้ง 2 ชนิดผสมกัน




สภาพแวดล้อมและการเลี้ยงดู

แมมมิลลาเรียเป็นไม้ที่ชอบแดดค่อนข้างจัด 70-80 % ชั่วโมงแดดยาวนานต่อเนื่อง 6-8 ชั่วโมง หากเลี้ยงแสงแดดน้อยขนหนามจะกางออก เพื่อพยายามรับแสงมากขึ้น ที่ทำให้ขนหนามไม่แน่นฟู ฟอร์มต้นจะไม่กระชับ ต้นไม่สวยลำต้นยืดยาว ไม่กลมมน

เป็นกระบองเพชรที่ไม่ชอบความชื้นเยอะ ดินที่ใช้ปลูก ต้องโปร่ง ระบายความชื้น และอากาศภายในดินถ่ายเทได้ดี หากมีความชื้นสูงแต่เสี่ยงกับโรคเน่า หรือเชื้อราได้ สามารถเว้นระยะการรดน้ำได้นานกว่ากระบองเพชรชนิดอื่นๆ วิธีการดน้ำ คือให้รดจนชุ่มจนน้ำไหลออกรูก้นกระถาง รดน้ำครั้งถัดไปเมื่อดินแห้ง

และถ้าหากต้องการกระตุ้นการออกดอกจะใช้วิธีอดน้ำ เพื่อกระตุ้นสภาพการอยู่รอด จะช่วยให้กระตุ้นการออกดอก เพื่อขยายเผ่าพันธุ์ โดยการอดน้ำนานกว่าปกติที่เคยรด แล้วรดน้ำให้ชุ่ม ซึ่งต้องดูระยะการอดน้ำ และปรับตามสภาพแวดล้อมของแต่สถานที่เลี้ยง ซึ่งจะไม่การนับวัน หรือสูตรที่ตายตัว ซึ่งการใช้การกระตุ้นด้วยวิธีควรดูว่าต้นไม้แข็งแรง ไม่อยู่ในช่วงป่วย หรือพักฟื้น

อีกหนึ่งปัจจัยที่จะทำให้เลี้ยงแมมมิลลาเรียได้สวยก็คือควรจะมีโรงเรือน จะเป็นระบบเปิด หรือปิดก็ได้ แต่หากเลี้ยงเป็นระบบปิดควรจะมีระบบระบายอากาศภายในเพื่อป้องกันความชื้น หรืออากาศอบอ้าวภายในโรงเรือน ที่จะเป็นสาเหตุ ให้เน่าง่ายได้เหมือนกัน เนื่องจากแมมมิลลาเรียไม่เหมาะกับการเลี้ยงที่โดนฝนโดยตรง เพราะมีโอกาสที่จะทำให้ต้นเน่าหรือเชื้อราได้ง่าย ฉะนั้นการมีโรงเรือนจะทำให้การควบคุม อุณหภูมิ น้ำ และปรับแสงง่ายต่อการเลี้ยงดู




ลักษณะของดอก
โรค และศัตรูพืช

เพลี้ย, ไรแดง, ราที่เกิดจากความชื้นในช่วงฤดูฝน

บทความที่เกี่ยวข้องผสมเกสรแมมมิลลาเรีย (MAMMILLARIA) ง่ายๆ ให้ติด ฝัก นำไปเพาะเมล็ดด้วย ปลายพู่กัน >>คลิก<<

📌 รวมพิกัด ไอเท็มทำสวนไว้ให้เลือกช้อป !!

Advertisement  / โฆษณา

วิธีการตัดแต่งราก กระบองเพชร (แคคตัส) ก่อนลงปลูก


ในการปลูกแคคตัส สิ่งที่สำคัญอีกอย่างคือ การตัดแต่งรากไม้ก่อนนำลงปลูก การตัดแต่งรากนั้นจะเป็นการตัดเอารากฝอยออกให้เหลือแต่รากแก้ว และก็เล็มปลายรากแก้วด้วย ซึ่งในการตัดรากแก้วน้้น ตัดได้หลายรูปแบบตั้งแต่สั้นจนกุด หรือเหลือปลายรากยาว 1-1.5 เซนติเมตร

Trim-cactus-root.png









แล้วการตัดแต่งรากแคคตัสก่อนปลูกจำเป็นหรือไหม??

การตัดแต่งรากต้องดูเป็นกรณีตามค่วามสมบูรณ์ของราก อายุของต้น เป็นเกณฑ์ที่เราจะพิจารณา เพราะถ้าในกรณีที่เป็นต้นที่อายุน้อย รากไม่สมบูรณ์ หรือเป็นต้นที่ไม่ได้เปลี่ยนกระถางนาน รากเก่าเสื่อมโทรม

การรื้อกระถางนั้นส่งผลกระทบต่อระบบราก ซึ่งจะทำรากฝอยมีโอกาสตายสูง ถ้าหากเรานำไม้ลงปลูกเลยโดยที่ไม่มีการตัดแต่งราก
รากฝอยที่ตายนั้น จะเกิดการเน่าหมักหมมในดิน ซึ่งอาจจะนำพาแมลงมากัดกินรากที่เน่า หรือมีโอกาสเกิดทำให้เกิดเชื้อราในดินค่อนข้างสูง

อีกทั้งยังส่งผลให้แคคตัสฟื้นตัวได้ช้ากว่ เพราะการตัดแต่งรากนั้น จะเป็นการกระตุ้นให้ต้นสร้างรากใหม่ที่แข็งแรง แทนรากเก่าที่มีการเสื่อมสภาพทำให้การดูดซึมอาหารไปเลี้ยงต้นได้ไม่ดี ส่งผลให้แคคตัสเหี่ยวและโคนต้นยุบ หรือชะงักการเจริญเติบโต

หลังจากาการตัดแต่งรากแล้ว ควรพักไม้อย่างน้อยไว้สัก 3 -7 วัน ก่อนนำไปปลูกเพื่อให้แผลที่รากนั้นแห้งดีเสียก่อน

แต่ในกรณีที่ต้นมีอายุเยอะ หรือเพิ่งเปลี่ยนกระถางได้ไม่นาน แต่ต้นโตคับกระถางเร็ว ก็ไม่นิยมที่จะตัดแต่งราก เพราะจะทำให้ต้นฟื้นตัวได้ช้า แต่ถ้าต้องการเปลี่ยนกระถางแบบไม่ตัดราก ต้องถอดกระถาง และนำปลูกลงในดินใหม่เลย เพื่อป้องกันไม่ให้รากเกิดความเสียหาย และงดการให้นำ 5-7 วัน แต่ในดินปลูกนั้นต้องมีความชื้นไม่แห้ง หากดินที่นำมาปลูกแห้ง ให้ผสมน้ำให้หมาดๆ ก่อนนำมาใช้




วีดีโอการตัดแต่งรากกระบองเพชร แคคตัส ไม้อวบน้ำ

บทความที่เกี่ยวข้อง

วิธีดูรากกระบองเพชร (แคคตัส) รากแบบไหนดี หรือมีปัญหา

สาเหตุสำคัญในการเลี้ยงกระบองเพชรอีกอย่างที่เราไม่ควรมองข้าม หากต้องการให้ต้นสมบูรณ์แข็งแรง ก็คือ ระบบของราก ซึ่งเปรียบเสมือนกลไกหัวใจหลักของต้น ที่ทำหน้าที่ในการดูดซึมอาหาร และแร่ธาตุที่จำเป็นต่างๆ ไปเลี้ยงต้น หากรากมีคุณภาพดี ก็จะส่งผลที่ดีโดยตรงต่อต้น…

อ่านต่อ

📌 รวมพิกัด ไอเท็มทำสวนไว้ให้เลือกช้อป !!

Advertisement  / โฆษณา

เพาะเมล็ดกระบองเพชร ไม้ใบ ไม้อวบน้ำ ต้นไม้ทั่วไป ปลอดสารเคมี


ขั้นตอนการเพาะเมล็ดกระบองเพชร ไม้อวบน้ำ แบบ mini3garden

cactus_seeding2.jpg
  1. แกะดินเพาะออกจากถุง ใส่กล่องตามปริมาณที่ใส่ในถุง ต่อ 1 กล่อง แล้วปิดฝาและนำไปตากแดดทั้งกล่อง วิธีนี้จะเหมือนเป็นการใช้ความร้อนนึ่งดิน
cactus_seeding3.jpg

2. ตากไว้ในที่ที่แดดแรง แดดจัด เป็นเวลา 1-2 วัน กล่องจะมีไอน้ำเกาะ ให้เปิดฝาเอาไอน้ำที่เกาะออก เสร็จแล้วเปิดฝาทิ้งไว้นำดินก็เอามาผึ่งให้แห้ง ลดอุณหภูมิดินให้ปกติแล้ว นำไปเพาะเมล็ด









ขั้นตอนการเพาะเมล็ดแคคตัส

  1. เทน้ำสะอาดใส่ดินที่อยู่ในกล่อง ปริมาณน้ำให้ท่วมหน้าดิน ทิ้งไว้สัก 10 นาที ให้ดินเพาะได้ดูดน้ำจนชุ่ม และเช็คอีกครั้งว่าดินชื้นพอหรือยัง หากดินยังแห้งอยู่ให้สเปรย์น้ำเพิ่ม ดินไม่ควรมีน้ำขังแต่ควรมีความเปียกชุ่ม
  2. นำเมล็ดที่เตรียมไว้ วางบนผิวดิน หลังจากนั้นกดเมล็ดลงไปในดินเพาะเล็กน้อย
  3. ปิดฝาให้สนิทและนำไปวางไว้ในที่แสงแดด ประมาณ 30-40% หรือแดดรำไร

ข้อควรระวังและสังเกตในการเพาะเมล็ด

  • ความชื้นในกล่อง หากดินแห้งเกินไปให้สเปรย์น้ำเพิ่มความชื้น ควรรักษาความชื้นของดินให้เหมาะสมและต่อเนื่อง แต่ถ้าหากเรากะปริมาณน้ำให้พอดีตั้งแต่การเพาะ ไม่จำเป็นต้องเปิดฝาเติมน้ำอีกเลย
  • อย่านำกล่องที่เพาะเมล็ดแล้ววางในที่ๆ แสงแดดแรง อาจจะเกิดตะไคร่น้ำมากเกินไป หรืออาจแดดจะทำต้นอ่อนฝ่อ หรือสุกได้

คำถามที่พบบ่อย

การเพาะเมล็ดทำแบบไหนได้บ้าง??

การเพาะเมล็ดแคคตัสนั้น สามารถทำได้ 2 รูปแบบคือ ระบบเปิด และระบบปิด แต่ที่นิยมคือ ระบบปิด เพราะง่ายต่อการดูแล ไม่ต้องรดน้ำบ่อยๆ และก็อัตราการรอดก็ค่อนข้างสูงกว่าระบบเปิด ที่อาจจะมีการฝ่อ หรือยุบตัวในกรณีที่ความชื้นไม่เพียงพอ หรืออาจจะโดนรบกวนจากแมลงหรือสัตว์ต่างๆ

การเพาะเมล็ดจำเป็นจะต้องใช้ยากันเชื้อราไหม??

จะใช้หรือไม่ใช้ก็ได้ แต่การเพาะแบบ mini3garden ไม่ต้องใช้ยากันรา เพียงแค่

  • ต้องนำดินเพาะเมล็ด ตากแดดก่อนปลูกเพื่อเป็นการช่วยฆ่าเชื้อ
  • ล้างเมล็ดให้สะอาดพอ จะไม่ค่อยพบปัญหาเรื่องรา เพราะ เนื้อ หรือเมือกที่เกาะอยู่กับเม็ดจะเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดราได้ง่าย
  • ไม่เปิดดู บ่อยๆ เพราะการที่เปิดดูนั้น เมื่ออุณหภูมิจากภายนอกเข้าไป ถ้าอุณหภูมิมีความต่างกันมากระหว่างด้านในและนอกกล่องเพาะ อาจทำให้เกิดเชื้อราได้ ถ้าอยากเปิดดูแนะนำว่าให้เปิดในช่วงที่อุณหภูมิ ไม่ต่างกันมากกับอุณหภูมิในกล่อง เช่น เช้ามืด หรือ ช่วงค่ำๆ
  • วางกล่องเพาะไว้ในที่ๆ อากาศถ่ายเท แสงแดดเหมาะสม
cactus_seeding4
หลังจากเพาะเมล็ดได้ 5 วัน

หลังจากเพาะเมล็ด ประมาณ 5-10 วัน ก็จะมีต้นอ่อนงอกออกจากเมล็ด อัตราการงอกจะมีปริมาณมากน้อย นั้นก็ขี้นอยู่กับความสมบูรณ์ของตัวเมล็ดเอง และการงอกช้าหรือเร็วนั้นขึ้นอยู่กับปัจจัยสภาพแวดล้อมต่างๆ




cactus_seeding5.jpg
หลังจากเพาะเมล็ดได้ 30 วัน

พอหลังจากต้นอ่อนค่อยแข็งแรงและเติบโตแล้วประมาณ เดือนที่ 4-5 ก็ค่อยเพิ่มๆ ความเข้มข้นของแสงแดด เพื่อเป็นการให้เขาได้ค่อยๆ ปรับตัว

cactus_seeding6
หลังจากเพาะเมล็ดได้ 5 เดือน ต้นอ่อนเห็นเป็นรูปร่างชัดขึ้น
เมื่อได้อายุ หรือขนาดที่โตพอจะนำออกมาปลูก ก็ค่อยๆ แง้ม เปิดฝาที่ละนิด เพื่อให้ต้นค่อยๆ ปรับกับอากาศภายนอก

การเพาะเมล็ดแบบง่ายๆ by #mini3garden

เมล็ดที่ใช้เพาะในวีดีโอ เป็น Astrophytum (แอสโตรไฟตัม)




📌 รวมพิกัด ไอเท็มทำสวนไว้ให้เลือกช้อป !!

Advertisement  / โฆษณา

วิธีรักษา และอาการต้นเหี่ยว โคนยุบ ของแคคตัส (กระบองเพชร)


อาการต้นเหี่ยว โคนยุบตัว ของแคคตัส เกิดได้จากหลายสาเหตุ
แต่ที่สำคัญ คือ ระบบรากของต้นไม้เสียหาย ซึ่งระบบรากนั้น หากไม้ทำการรื้อกระถางก็จะไม่เห็นปัญหาว่า รากมีปัญหาจากอะไร

สาเหตุหลักที่ทำให้รากมีปัญหา มีดังนี้

– การได้รับน้ำทีไม่เพียงพอเป็นเวลานาน จนทำให้รากแห้งและตาย

– ดินที่ใช้แข็งตัว หรือเสื่อมสภาพจนรากไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ

– มีเพลี้ยกัดกินราก หรือ เกิดรากินราก ทำให้รากตาย และไม่สามารถดูดซึมน้ำ อาหาร ความชื้นได้ ( หากมีเพลี้ยต้องทำการกำจัดเพลี้ยที่มีอยู่เพื่อป้องกันการระบาด และกลับมาเป็นใหม่ )

วิธีการรักษารากนั้น มีหลากหลายวิธี ไม่ว่าจะเป็นการใช้ เม็ดดินเผา หรือหินภูเขาไฟ ล่อราก และอีกวิธีคือ ใช้วิตามินบำรุง หรือยาล่อรากให้แตกออกมาใหม่และลงปลูก









วิธีที่แนะนำ คือ ล่อรากโดยการใช้ เม็ดดินเผา ล่อราก และฟื้นฟูต้นที่ขาดน้ำเป็นเวลานานเพราะระบบรากเสีย วิธีนี้จะได้รากไม้ใหม่ที่แข็งแรง และต้นที่กลับมาอวบอิ่มเหมือนเดิม โดยระยะเวลาการรักษานั้น ขึ้นอยู่กับสภาพของราก และต้นว่ามีอาการรุนแรงขนาดไหน เพราะโดยปกติหากต้นไม่ยุบตัวมาก ก็ใช้เวลาราว 2 สัปดาห์ก็จะกลับมาปกติ และนำลงปลูกลงดินได้ตามเดิม


ขั้นตอนและวิธีการฟื้นฟู ต้นแคคตัน กระบองเพชร ด้วยเม็ดดินเผา  (Popper) และหินภูเขาไฟ

นำต้นแคคตัส ออกจากดินเก่า ล้างรากให้สะอาด ทิ้งไว้สัก 2- 3 ชม. หรือ 1 วันนำมาตัด เล็มรากฝอยรากแล้วนำไปผึ่งไว้ในที่ที่อากาศถ่ายเท เลี่ยงแดดจัด ทิ้งไว้เป็นเวลา 3 – 5 วัน เพื่อให้แผลที่รากแห้ง ค่อยนำมาล่อราก

cactus-sick9
cactus-sick6

หลังจากผึ่งไว้จนแผลที่รากแห้งแล้ว นำมาใส่ในเม็ดดินเผา ที่มีหินภูเขาไฟผสมเล็กน้อย โดยนำภาชนะก้นปิด ไม่มีรู ใส่ลงไปให้สูงจนเต็มภาชนะ หลังจากนั้นใส่น้ำไว้ครึ่งหนึ่งของภาชนะ ควรเป็นภาชนะที่ใส เพื่อจะได้มองเห็นระดับน้ำ นำต้นไม้วางลงบนเม็ดดินเผาให้รากฝั่งลงไป และยกโคนต้นให้เหนือเม็ดดินเผา ความชื้นจะค่อยๆ ระเหย 

หมั่นค่อยเติมน้ำเมื่อแห้ง ระดับน้ำครึ่งหนึ่งของภาชนะเหมือนเดิม เลี่ยงการวางกลางแดด วางไว้ที่แดดอ่อนๆ หรือชายคาบ้าน 




cactus-sick7

ผ่านมาประมาณ 5 – 7 วัน รากอ่อนของไม้จะค่อยๆ งอกออกมา ช่วงนี้งดการดึง จับแรงๆ หรือยกขึ้นมาบ่อยๆ เพราะรากที่เกิดมายังไม่แข็งแรง อาจจะกระทบกระเทือนและเสียหายได้

cactus-sick8.jpg

ทิ้งไว้จนกว่าจะเห็นว่า ต้นที่เหี่ยว โคนต้นที่ยุบตัว กลับมาเต็งตึงเหมือนเดิม ค่อยนำมาปลูกลงดิน

cactus-sick5

สนใจสั่งซื้อ เม็ดดินเผา และหินภูเขาไฟ คลิกที่นี่

📌 รวมพิกัด ไอเท็มทำสวนไว้ให้เลือกช้อป !!

Advertisement  / โฆษณา