ทำตัวช่วย” ประหยัดปุ๋ย บำรุงดิน ” ด้วยงบหลักสิบ กับจุลินทรีย์สังเคราะห์แสง


จุลินทรีย์สังเคราะห์แสง หรือ แบคทีเรียสังเคราะห์แสง ที่เราอาจจะเห็นได้ตามบ้านที่นำขวดที่มีน้ำสีแดงๆ มาวางตากแดดไว้ตามบ้าน หรือสวน ซึ่งเป็นตัวช่วยที่ดีในการทำสวน ปลูกต้นไม้ แถมยังต้นทุนต่ำในการผลิต ทำจำนวนได้เยอะ ใช้วัตถุดิบน้อย และหาได้ง่าย จุลทรีย์สังเคราะห์แสง ถูกนำมาใช้ในการเกษตรอย่างแพร่หลาย จากต้นกำเนิดที่เริ่มมีการนำมาใช้คือ ประเทศญี่ปุ่น นิยมใช้ในนาข้าว เพื่อช่วยเรื่องการป้องกันการเน่าเสียของน้ำที่ขัง และยังเป็นการช่วยบำรุงดิน และพืชด้วย ซึ่งตอนนี้ได้รับความสนใจในหลายประเทศ และนิยมทำใช้กันแพร่หลาย

จุลินทรีย์สังเคราะห์แสงคืออะไร มีประโยชน์อย่างไร?

จุลินทรีย์ในกลุ่มแบคทีเรีย photosynthetic bacteria เป็นแบคทีเรียที่สามารถสร้างอาหารได้เองจากการสังเคราะห์แสงในสภาวะที่ไม่มีออกซิเจน มีอยู่ 2 กลุ่มหลัก คือ แบคทีเรียสีม่วง ( purple photosynthetic bacteria ) และแบคทีเรียสีเขียว ( green photosynthetic bacteria ) โดยที่นิยมนำมาใช้ คือ แบคทีเรียสีม่วง ซึ่งจะพบได้ตามแหล่งน้ำธรรมชาติ ในชั้นที่ลึกลงไปจนมีออกซิเจนต่ำ หรือในนาเกลือ









การเกิดแบคทีเรียในทะเลสาบประเทศแคนนาดา เป็นทะเลสาบมีความเค็มสูง
ขอบคุณวีดีโอ : Youtube Chanel : Rambles With Robin and Ruby

โดยประโยชน์ในการใช้งานนั้นแบ่งออกเป็น 2 รูปแบบคือ เป็นการได้ธาตุอาหารที่พืชนำไปใช้ได้จากกิจกรรมของจุลินทรีย์ และปุ๋ยที่ได้จากเซลล์ที่ตายแล้วของจุลินทรีย์ ซึ่งประโยชน์หลักที่ได้คือ รูปแบบการตรึงไนโตรเจนในอากาศ เพื่อให้พืชนำไปใช้ได้ การย่อยสลายฟอสฟอรัส อินทรีย์วัตถุ ให้อยู่ในรูปแบบที่พืชสามารถนำไปใช้ได้ และยังอุดมไปด้วยกรดอะมิโน โปรตีนที่จำเป็นต่อพืช และนอกจากจะนำมาใช้ในการเกษตรแล้ว ยังนิยมนำไปใช้ในปศุสัตว์ เช่น ผสมอาหารสัตว์ การนำไปบำบัตน้ำเสียจากคอกที่มีมูลสัตว์จำนวนมาก จนเป็นแหล่งสะสมของก๊าซไฮโดรเจนซัลไฟด์ หรือ ก๊าซไข่เน่า เพื่อลดกลิ่น หรือการบำบัดน้ำเสียในบ่อปลา บ่อกุ้ง และช่วยทำให้กุ้งแข็งแรงต้านทานโรคได้ดี

ไม่ว่าจะเป็นคน หรือสัตว์ พืช สิ่งมีชีวิตต่างๆ นั้นต้องการจุลินทรีย์ที่ดีมีประโยชน์เพื่อรักษาสมดุล ในคนนิยมบริโภคอาหารที่มีจุลินทรีย์เ เช่น แลคโตบาซิลลัส โพรไบโอติกส์ ในพืชเองก็ต้องการใช้กิจกรรมของจุลินทรีย์เพื่อประโยชน์ในการเจริญเติบโต เสริมภูมิต้านทานเช่นกัน

จุลินทรีย์สังเคราะห์ต้องทำยังไง ต้องเตรียมอะไรบ้าง?

การทำจุลินทรีย์สังเคราะห์แสง สามารถทำได้ 2 รูปแบบคือ แบบที่ไม่มีหัวเชื้อ กับต่อขยายเชื้อจากหัวเชื้อเดิม ซึ่งขั้นตอนการเตรียมวัตถุดิบ และการทำเหมือนกัน ต่างกันเพียงแค่เติมหัวเชื้อที่มีการขยายเชื้อไว้แล้ว เพื่อลดระยะเวลา หรือลดความเสี่ยงที่น้ำจากแหล่งน้ำที่นำมาทำ มีเชื้อจุลินทรีย์ไม่เพียงพอที่จะนำมาขยายเชื้อ โดยหลักการการทำจุลินทรีย์สังเคราห์แสงคือ การนำน้ำจากแหล่งน้ำธรรมชาติที่คาดว่าน่าจะมีจุลินทรีย์อาศัยอยู่ มาเลี้ยงต่อขยายเชื้อ โดยใส่อาหารให้เพื่อเพิ่มปริมาณของเชื้อจุลินทรีย์ให้มีจำนวนมากขึ้น

ข้อควรระวังที่สำคัญคือ ควรมั่นใจว่าแหล่งน้ำที่นำมาใช้ในการทำนั้นสะอาด ไม่มีการปนเปื้อนเชื้อของแบคทีเรียที่ไม่ดี เช่น Leptospirosis ที่เป็นเชื้อก่อโรคฉี่หนู

สิ่งที่ต้องเตรียม

  1. ภาชนะบรรจุ ควรเป็นขวดใสที่แสงสามารถส่องถึงได้ดี และมีความยืดหยุ่น ทนต่อแก๊สได้ เช่น ขวดน้ำอัดลม
  2. น้ำจากแหล่งน้ำธรรมชาติ น้ำฝน หรือน้ำประปาที่ผ่านการพักทิ้งไว้ 3-5 คืน ( หากใช้น้ำประปามาทำเลยจะมีโอกาสที่เชื้อจะไม่ขยายและตายได้ จากคลอรีนในน้ำประปา )
  3. หัวเชื้อจุลินทรีย์สังเคราะห์แสงที่มีความเข้มข้น
  4. อาหารที่ใช้ในการเลี้ยงขยายเชื้อ โดยเน้นเป็นอาหารที่มีโปรตีน เช่น ไข่ไก่สด นม โยเกิร์ต กะปิ เปลือกไข่บดละเอียด และอาจเสริมด้วยตัวกระตุ้นเร่งปฏิกิริยา เช่น เกลือ น้ำตาล น้ำปลา กะปิ ผงชูรส ซึ่งสามารถใช้ได้ตามสะดวกที่สามารถหาได้ ซึ่งข้อดีของการใส่เปลือกไข่ป่น จะช่วยให้จุลินทรีย์เก็บได้นานขึ้น ด้วยจุลินทรีย์จะค่อยย่อยเปลือกไข่เป็นอาหารได้อย่างช้าๆ และต่อเนื่อง และยังทำให้ได้น้ำที่มีเชื้อเข้มข้นขึ้นด้วย หากทิ้งไว้เป็นเวลานาน

    โดยส่วนผสมที่นิยมใช้ทำอาหารเพาะเชื้อได้แก่ ไข่ไก่ ผสมน้ำปลา ผงชูรส โดยสูตรนี้อาหารหลักที่ไข่ไก่ และมีน้ำปลา และผงชูรสเป็นตัวเร่งปฏิกิริยา หรือหากใครไม่รีบ และใช้การขยายเชื้อแบบต่อเนื่อง จะใช้แค่ นม ซึ่งสามารถใช้เป็นนมที่หมดอายุได้ ผสมเข้ากับเปลือกไข่ ก็สามารถใช้ได้ แต่อาจจะใช้เวลาขยายเชื้อนาน

ส่วนลด !! พิเศษ สูงสุด 50% ช้อปเลย..

วิธีการทำจุลินทรีย์สังเคราะห์แสง แบบต่อขยายเชื้อ

  • เตรียมน้ำที่จะใช้เพาะเชื้อโดยใส่ให้เหลือพื้นที่เพื่อใส่หัวเชื้อ และเว้นที่ให้แก๊สเพื่อกันการดันของแก๊ส ที่จะทำให้น้ำล้น หรือซึมออกได้ เช่น หากใช้ขวดน้ำปริมาณ บรรจุ 1 ลิตร (1,000 มิลลิลิตร ) จะใช้น้ำประมาณ 400-500 มิลลิลิตร
  • ใส่อาหารที่เตรียมลงไป และเขย่าให้อาหารกับน้ำผสมเข้ากัน โดยปริมาณของอาหาร ควรใช้ 1-2/4 ของปริมาณเชื้อที่ต้องการต่อขยายเชื้อ
  • ใส่หัวเชื้อที่เตรียมไว้ และเขย่าทั่งหมดให้เข้ากันอีกครั้ง ซึ่งปริมาณการใส่หัวเชื้อนั้นไม่มีปริมาณตายตัว เนื่องจากเราไม่ทราบถึงปริมาณจำนวนจุลินทรีย์ที่แน่นอนเพราะไม่มีเครื่องวัด หรือตรวจนับปริมาณเชื้อที่มีอยู่ ที่จะสามารถระบุความหนาแน่นของเชื้อได้ ให้กะปริมาณใส่ให้เหมาะสมกับอาหาร โดย หัวเชื้อที่ใช้ ประมาณ 3-5 เท่า ของปริมาณอาหารที่เราใส่
  • นำขวดที่ผสมเรียบร้อยแล้ว วางไว้ในที่ที่มีแสงแดดส่องถึง อุณหภูมิไม่สูงมาก อุณหภูมิที่เชื้อจะขยายได้ดีอยู่ 35-50 องศา โดยประมาณ

สัดส่วนการผสมขยายเชื้อ เช่น ขวดน้ำ 1 ลิตร (1,000 มิลลิลิตร ) จะใช้น้ำประมาณ 400-500 มิลลิลิตร ใส่อาหาร ปริมาณ 50 มิลลิลิตร เท่ากับ จะใช้หัวเชื้อประมาณ 150-250 มิลลิลิตร หากหัวเชื้อเข้มข้นก็สามารถปรับได้ตามความเหมาะสม

สิ่งสำคัญคือ หากเรากะปริมาณอาหาร และเชื้อได้พอเหมาะกัน อาหารไม่เยอะเกินจนเชื้อไม่เดิน ระยะเวลา 1-2 สัปดาห์ น้ำที่เป็นสีขาวขุ่นจะเริ่มเป็นสีแดง แต่ถ้าพบว่าไม่มีการเปลี่ยนแปลง อาจะเป็นเพราะเราใส่อาหารเยอะเกินที่จำนวนเชื้อจุลินทรีย์ที่มีอยู่จะสามารถจัดการได้ อาจจะใช้เวลานานกว่าเชื้อจะขยาย จนน้ำเปลี่ยนเป็นสีแดง วิธีแก้ไขในคือ ให้แบ่งน้ำที่ผสมไว้ออกใส่ขวดใหม่ แล้วเติมน้ำ และหัวเชื้อเข้าไปเพิ่ม

และในช่วง 1-2 สัปดาห์แรกของการทำ จะเกิดแก๊สในขวด จนทำให้ขวดแข็งตัวแน่น ให้เราเขย่าและเปิดฝาเพื่อปล่อยแก๊สออกทุก 2-3 วัน

หลักการทำจุลินทรีย์สังเคราะห์คือ ทำให้น้ำเน่าเสียจากโปรตีน ในสภาพวะที่ขาดออกซิเจน จนเกิดเป็นอาหารของจุลินทรีย์ ทำให้จุลินทรีย์เกิดกิจกรรม และขยายตัวแบ่งเซลล์เพิ่มได้เร็ว

เราจะนำจุลินทรีย์สังเคราะห์แสง ไปใช้งานได้เมื่อไหร่ และใช้อย่างไร?

โดยปกติแล้ว ระยะเวลาไม่มีจำกัดแน่นนอน แต่ให้ดูจากการทำงานของจุลินทรีย์ เพราะถ้าหากกระบวนการย่อยสลายไม่สมบูรณ์ดีแล้ว นำไปใช้นั้นจะกลายเป็นพิษต่อพืชทันที เพราะมีความเป็นกรด ความร้อน และแก๊สอยู่สูงที่เกิดจากกิจกรรมการย่อยสลายของจุลินทรีย์ ซึ่งจะส่งผลให้พืช ต้นเหลือง ใบไหม้ รากไหม้ได้

วิธีเช็คว่าจุลินทรีย์สังเคราะห้แสง พร้อมใช้งานได้แล้วหรือยัง ทำได้โดย ดูจากสีที่เปลี่ยนเป็นสีแดงเข้ม และเช็คปริมาณแก๊สที่มีอยู่ขวด โดยการเขย่า หากยังเกิดฟองมาก และมีปริมาณฟองผุดขึ้นมาตลอด แสดงว่ากระบวนการย่อยสลายยังไม่สมบูรณ์ ให้เปิดฝาคลายแก๊สออก และทิ้งไว้ ก่อนจะมาเช็คใหม่อีกครั้ง และเมื่อเขย่าลองเขย่าแล้วมีฟองเพียงเล็กน้อยที่ลอยตัวอยู่บนน้ำ แต่ไม่มีแก๊สที่ผุดขึ้นมาใหม่เรื่อยๆ เป็นอันว่า จุลินทรีย์สังเคราะห์แสงของเราพร้อมนำไปใช้งานแล้ว

การนำไปใช้งานนั้น สามารถใช้ได้ทั้งฉีดพ่น และรดลงดิน แต่วิธีที่แนะนำคือ รดลงดินจะได้ผลโดยตรงกับพืชมากกว่า โดยทำการเจือจางด้วยการผสมจุลินทรีย์สังเคราะห์แสงกับน้ำ 15-20 เท่า รดลงในดิน หลังจากที่รดน้ำแล้วให้ดินมีชุ่มชื้นพอประมาณ ไม่ควรรดในดินที่แห้ง ใช้ทุก 10-20 วัน ครั้ง หรือใช้ก่อนที่จะให้ปุ๋ยบำรุงส 1-2 วัน โดยประมาณ เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของปุ๋ย ให้พืชดูดซึม และนำไปใช้ได้ดี

การทดลองจำลองการเกิดจุลินทรีย์สังเคราะห์แสงในธรรมชาติ
ขอบคุณวีดีโอ : Youtube Chanel : DIY Microbiology

ขอขอบคุณ แหล่งข้อมูลอ้างอิงบทความ
https://www.nectec.or.th/schoolnet/library/snet4/june22/bacte2.html
https://kukr.lib.ku.ac.th/kukr_es/KPS_AGRI/search_detail/dowload_digital_file/20011576/151406
https://ej.eric.chula.ac.th/article/view/291

บทความที่เกี่ยวข้อง

📌 รวมพิกัด ไอเท็มทำสวนไว้ให้เลือกช้อป !!

Advertisement  / โฆษณา

ทำสวน แบบสวย เก๋ เท่ มีสไตล์ !! รวม ไอเท็ม แฟชั่นชุดชาวสวน ช่วยให้การทำสวนสนุกขึ้นได้อีก ( Gardener Fashion )


ถึงจะทำสวน ทำไร่ ก็ใช่ว่า เราจะมีแฟชั่นไม่ได้!! ชุดทำสวนเก๋ๆ ไอเท็มน่ารักๆ ก็ช่วยเพิ่มแรงบันดาลใจ ในการปลูกต้นไม้ได้ เสริมให้เราสนุกกับทุกกิจกรรมที่ทำ และยังช่วยสร้างกิจกรรมร่วมกับคนในครอบครัว ชวนให้มาแต่งตัวทำสวนสนุกๆ ไม่ว่าจะเป็นลูกน้อย คู่แฟน หรือกลุ่มเพื่อน ทำสวนไปด้วยกัน และยังด้ภาพกิจกรรมสวยๆ ก็ช่วยเติมเต็มให้การทำสวนดูมีชีวิตชีวา สดใสขึ้นไปอีก

เริ่มจากการจัดหาชุด และอุปกรณ์ที่นอกจากจะใช้ประโยชน์แล้ว ก็เพิ่มความเก๋ไก๋ให้กับการแต่งตัวของเราได้ด้วย









ไอเท็มหลักที่ควรเตรียมในการแต่งตัวทำสวน

รองเท้าบูท ประโยชน์ที่สำคัญคือ ช่วยให้เราทำงานได้สะดวกขึ้น ปกป้องเท้าเราจะหิน หรือพื้นที่อาจจะมีเศษของแหลมคมที่อาจจะเกิดอันตรายกับเท้าของเราได้ และยังช่วยป้องกันสัตว์มีพิษ น้ำ หรือโคลนที่จะเลอะเท้าและทำให้ทำความสะอาดได้ยาก

หมวกกันแดด แสงแดดที่แรงอาจทำให้ผิวหน้าเสียเป็นฝ้า เกิดกระ หรือเกิดการอักเสบจากผิวไหม้แดดได้ การใช้หมวกที่มีปีกรอบช่วยป้องกันแสงแดดที่จะทำร้ายผิวเราได้ และยังเพิ่มความเก๋ให้กับการทำสวนของเราอีกด้วย

ชุดเอื้ยม ชุดกันเปื้อน ทำสวน ปลูกต้นไม้มีโอกาสที่อาจจะเกิดคราบสกปรกได้ การใช้เอี้ยมก็จะช่วยให้เสื้อผ้าของเราสกปรกน้อยลง และถ้าเป็นเอี้ยมที่มีช่องกระเป๋าใส่ของด้วย ก็จะสะดวกในการเก็บอุปกรณ์เล็กเช่น กรรไกรตัดกิ่ง หรืออุปกรณ์มัดเชือกต่างๆ

ถุงมือทำสวน เป็นสิ่งที่จะช่วยปกป้องมือของเรา จากอุบัติเหตุต่างๆ ได้ ทำให้การหยิบจับถนัดขึ้น ลดการบาดเจ็บในกรณีที่ต้องดึงเชือกมัด หรือทำงานที่ต้องใช้แรงจากมือ เช่นการขุดเจาะ หากปล่อยให้เนื้อของเราเสียดสีกับอุปกรณ์นานๆ อาจทำให้เกิดแผลถลอกได้

ซึ่งไอเท็มเหล่านี้ใช้ประโยชน์ในการทำสวนได้เต็มที่ เพียงแค่เราอาจจะเลือกให้มีสีสัน หรือลูกเล่นเล็กน้อยๆ ก็ทำให้การแต่งตัวดูสนุกขึ้นได้




และกระเป๋า หรือตะกร้าใส่อุปกรณ์ นอกจากจะเป็นพร๊อพน่ารักๆ แล้วยังสะดวกในการใช้งานจริงที่ทำให้เราสะดวกเมื่อต้องทำสวนในพื้นที่กว้างๆ

ขอบคุณภาพ : pinterest
ที่มาภาพ : https://pin.it/2UMgcLF

รวมพิกัดช้อปปิ้งไอเท็มทำสวนไว้ให้เลือกช้อป!!

ไอเดีย!! จัดสวนผัก สไตล์สวนอังกฤษ (English Cottage Garden) กินได้ และสวยด้วย


จัดสวนทั้งที ถ้าเป็นต้นไม้ หรือผักที่เรากินได้ ก็เหมือนได้ประโยชน์ 2 ต่อ ซึ่งการปลูกในลักษณะนี้ ไม่จำเป็นต้องใช้พื้นที่เยอะ สามารถปรับรูปแบบ การเลือกวางแปลน ตัวบล็อกที่ใช้ ให้เหมาะสมกับความชอบส่วนตัว และพื้นที่ของเราได้ ประโยชน์ของการจัดสวนผักในลักษณะนี้คือ จะเป็นการยกแปลงสวนผัก แบบลอยตัว ซึ่งจะทำให้ดูแล บำรุงรักษาได้ง่าย กว่าการขุดเป็นแปลงปลูก

ทั้งในเรื่องของการปรุงดิน การให้น้ำ การปรับเปลี่ยนดินให้เหมาะสมกับลักษณะ หรือชนิดของพืชผัก ซึ่งการคัดเลือก พืชหรือผักที่จะใช้ปลูกนั้น สามารถเลือกได้หลากหลาย ผสมผสานได้ทั้งผักประจำถิ่น และผักต่างประเทศ โดยเลือกการปลูกที่สามารถแบ่งพื้นที่ได้ชัดเจน ทำให้ควบคุมการปริมาณการให้น้ำง่าย และสะดวกขึ้น









ส่วนลด !! พิเศษ สูงสุด 50% ช้อปเลย..

สิ่งที่ต้องคำนึงถึงในการจัดสวนผักสไตล์สวนอังกฤษ มีอะไรบ้าง??

  • ควรเป็นพื้นที่โล่ง ที่มีแดดส่องถึงทั้งวัน หรืออย่างน้อย 5-6 ชม. เพราะผักสวนครัวส่วนใหญ่แล้ว จะเป็นพืชที่ต้องการแสงแดดมาก
  • ระบบน้ำ ที่ใช้รด ควรติดตั้งให้สามารถรดน้ำได้ง่าย ผักสวนครัว บางชนิดอาจจะต้องการน้ำ 2 เวลา เช้า และเย็น
  • ควรปรับพื้นที่ให้ระบายน้ำได้ง่าย ไม่มีน้ำท่วมขัง หรือหากสวนที่ทำแปลงเป็นพื้นที่ราบต่ำ อาจจะต้องถม หรือปรับพื้นที่ให้สูง และมีร่องระบายน้ำได้ดี
  • วัสดุที่จะเลือกใช้ทำบล็อก ควรคำนึงถึงการใช้งานที่เหมาะสม สามารถ ใช้ได้ทั้งแบบถาวร และแบบ น็อคดาวน์ ที่สามารถปรับเปลี่ยนได้ง่าย
  • การปลูกผักนั้น ควรจะต้องเลือก และปรับเปลี่ยนชนิดให้เหมาะสมกับฤดูกาล เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดโรค หรือแมลงศัตรูพืชรบกวน และยังช่วยเรื่องความสมบูรณ์ของพืชผัก หากอากาศเหมาะสม ก็จะได้ผลผลิตดี ต้นแข็งแรง

ขั้นตอนการทำแปลงสวนผักสไตล์อังกฤษต้องเริ่มยังไง??

  • สิ่งแรกที่ต้องคำนึงถึง และทำเป็นขั้นตอนแรกคือ การวางแปลน และเขียนแบบ โดยคำนึงถึง ช่วงที่แสงแดดส่องถึง ขนาดของแปลง วัสดุที่จะเลือกใช้ในการทำแปลง แสงไฟส่องสว่างตอนกลางคืน
  • ปรับพื้นที่โดยการใช้ทราย หรือหินในการปรับพื้นที่ให้เสมอกัน และวางทางน้ำที่จะระบายออกได้ดี เมื่อมีฝนตก หรือเวลาที่เรารดน้ำ
  • การใช้แผ่นพลาสติกปูรองพื้นก่อน ลงดินปลูกหรือจัดแปลง จะช่วยลดเรื่องวัชพืชที่อยู่ในดิน ที่เป็นพื้นที่ทำแปลงได้
  • กั้นแปลงปลูก ซึ่งความสูงของแปลงปลูกนั้น นอกจากความสวยงามแล้ว ยังมีผลในเรื่องการกักเก็บความชื้น และพื้นที่ให้รากชอนไชด้วย หรือในคนสูงอายุที่ไม่สามารถนั่งยองๆ หรือก้มเป็นเวลานาน การทำแปลงผักสูง จะลดความบาดเจ็บของร่างกายได้
  • หากเป็นพืชผักที่เป็นไม้เลื้อย หรือไม้เถา ก็ควรมีซุ้ม หรือทำระแนง เพื่อให้ต้นสามารถเจริญเติบโตได้ง่าย เมื่อมีผลผลิต ก็จะไม่ถูกแมลงที่อยู่บนพื้นรบกวน ทำให้ผิวของผลสวย และง่ายในเวลาที่ต้องการเก็บผลผลิต ซึ่งซุ้มนี้หากมีขนาดใหญ่ก็ยังช่วยเรื่องร่มเงาได้ด้วย
  • เตรียมดินปลูก ซึ่งก่อนที่จะดินปลูกนั้นควรหาวัสดุที่ช่วยเรื่องการระบายน้ำ รองก้นแปลงก่อนลงดิน ดินที่ใช้หากผ่านการหมักดินแล้ว ก็สามารถลงปลูกผักได้เลย แต่ถ้าเป็นดินที่ผสมใหม่ก็สามารถหมักดินในแปลงผักได้เลย
  • ตกแต่งบริเวณทางเดินระหว่างแปลง หากจะมีการโรยหิน ควรนำแผ่นตาข่ายพลาสติกอย่างแข็ง รองก้นก่อนการโรยหินด้านบน เพื่อป้องกันการยุบตัวเวลาที่เราใช้เดิน
  • หากต้องการเพิ่มความสวยงาม หรือความสะดวกในทางเดินของแปลงผัก ในตอนกลางคืน ก็ควรจะต้องเพิ่มการติดตั้งระบบไฟ ซึ่งหากต้องการประหยัดค่าไฟ และไม่ต้องการเดินไฟ สามารถใช้เป็นไฟส่องสว่างพลังงานจากแสงอาทิตย์ หรือโซล่าเซลล์ได้

ขอบคุณภาพประกอบบทความ : Pinterest
ที่มาของภาพ : https://pin.it/4r542eX

📌 รวมพิกัด ไอเท็มทำสวนไว้ให้เลือกช้อป !!

แสนจะง่าย!! ทำน้ำสบู่กำมะถัน ใช้ป้องกันไรแดง ไรแมงมุง เชื้อรา และแบคทีเรีย ในต้นไม้ แบบปลอดสารพิษ


การทำน้ำสบู่กำมะถัน เป็นทางเลือกสำหรับผู้ที่ปลูกต้นไม้เป็นงานอดิเรก หรือปลูกจำนวนไม่มาก และต้องการป้องกัน การเกิดโรค และศัตรูพืช แบบปลอดสารพิษ ( Non-toxic ) เหมาะสำหรับครัวเรือน หากเป็นการปลูกแบบสวน หรือเกษตกรที่ประกอบเป็นอาชีพ อาจจะเป็นต้นทุนที่สูงเกินไป ควรใช้เป็นกำมะถ้นที่มีจำหน่าย แบบถูกต้องในร้านที่ขายสินค้าการเกษตรโดยตรง

สบู่กำมะถัน หรือสบู่ซัลเฟอร์ ( Sulfur Soap ) เป็นสบู่ที่มีขายอยู่ในท้องตลาด โดยจะมีส่วนกำมะถันผสมอยู่ 2.5-3% ซึ่งการเลือกนำสบู่กำมะถันมาใช้นั้น ควรเลือกที่มีการรับรอง หรือผลิตที่น่าเชื่อถือได้ เพื่อความปลอดภัยในการใช้งาน ซึ่งสามารถหาซื้อได้ตามซุปเปอร์มาร์เก็ต หรือร้านขายยา ร้านค้าออนไลน์ที่น่าเชื่อถือ ในท้องตลาดในไทย มีจำหน่าย มีอยู่ 3 แบรนด์ หลัก Defento, Myda, Oxecure ซึ่งคุณสมบัติการใช้งานไม่แตกต่างกันมาก สามารถเลือกใช้ได้ทั้งหมด ตามความสะดวก


สิ่งที่ต้องเตรียม

1. สบู่กำมะถัน หรือสบู่ซัลเฟอร์ ( เลือกใช้ได้ทุกยี่ห้อตามสะดวก )
2. น้ำอุ่น หรือน้ำที่ต้มและผ่านการพัก ให้อุณหภูมิไม่เกิน 48-60 องศาเซลเซียส
3. น้ำอุณหภูมิปกติ
4. อุปกรณ์ผสม
5. ขวดสเปรย์พ่น หรือฟ๊อกกี้
6. อุปกรณ์ที่ใช้ในการทำให้สบู่เป็นฝอย มีดหั่น หรือมีดปลอกผลไม้
7. กระชอนตาถี่ ตาละเอียด

ขั้นตอนการทำ

1. นำสบู่กำมะถันมาหั่น หรือขุดให้เป็นฝอย เพื่อให้ง่ายในขั้นตอนการละลาย


2. นำน้ำอุ่น ( ใช้ปริมาณน้ำ 1/3 ของปริมาณสบู่ ) ผสมเข้ากับสบู่ที่ได้เตรียมไว้แล้ว โดยใส่น้ำที่ละน้อยๆ แล้วคนให้เข้ากันในขณะที่น้ำยังอุ่นๆ และค่อยๆ เติมน้ำทีละนิด จนได้เป็นลักษณะน้ำสบู่ข้นๆ










3. นำน้ำสบู่เข้มข้นผสมเข้ากับน้ำอุณหภมิปกติ โดยประมาณ 1 เท่าตัวของน้ำสบู่เข้มข้น เพื่อให้ง่ายต่อการคนผสม และนำไปกรองด้วยกระชอนตาถี่ หากมีสบู่ที่ยังละลายไม่หมด ให้ขยี้ละลายให้เข้ากัน


4. เมื่อได้ตัวหัวน้ำสบู่กำมะถันแล้ว ให้นำไปเจือจางกับน้ำอุณหภูมิปกติก่อนนำไปใช้ ใส่เป็นขวดสเปรย์พ่น
และนำไปพ่นตามที่มีการระบาด

การนำไปใช้งาน

สัดส่วนการใช้นั้นไม่มีตายตัว แต่แนะนำให้ผสมให้เจือจาง 15-20 เท่า ในการใช้งานครั้งแรก และค่อยปรับให้เข้มข้นขึ้น หากพืชไม่แสดงอาการใบไหม้ หรือใบเหลือง ใบร่วง

การใช้งานควรเว้นระยะการใช้งานให้เหมาะสม โดยดูจาดอาการของต้น หรือการระบาดที่ลดลง หากไม่มีการระบาดแล้ว เป็นระยะป้องกัน ก็สามารถลดความถี่การใช้งานลงได้

การดูแลรักษาแบบปลอดสารพิษจะให้ได้ผลนั้น ต้องใช้ความสม่ำเสมอ และต่อเนื่อง จึงจะเห็นผลลัทธ์ที่ชัดเจน และถ้าหากเคยใช้สารเคมี หรือสารที่เป็นกลุ่มยาฆ่าแมลงมาแล้ว ตัวไรแดง นั้นจะมีอาการดื้อยาอาจจะทำให้การใช้อินทรีย์ หรือปลอดสารพิษไม่ได้ผล หรือมีประสิทธิต่ำ

📌 รวมพิกัด ไอเท็มทำสวนไว้ให้เลือกช้อป !!

Advertisement  / โฆษณา

จัดสวนในพื้นที่ระเบียงเล็กๆ หลังบ้าน หลังห้องคอนโด ให้เป็นมุมนั่งเล่น พักผ่อน


แม้ว่าจะเป็นเพียงพื้นที่เล็กๆ หากมีการจัดสรรและตกแต่ง ก็สามารถเป็นมุมพักผ่อนเล็กๆ ที่สร้างความสุขได้ง่ายๆ ซึ่งสไตล์การจัดนั้นมีหลากหลายแนว ไม่ว่า จะเป็น
แนวมินิมอล ( Minimal ) เน้นการใช้ของน้อยชิ้น แต่มีความโดดเด่น ต้นไม้จำนวนน้อยแต่เป็นต้นที่มีฟอร์ม หรือใบที่สวยงามโดดเด่น ไม่เน้นของตกแต่งมากมาย แต่อาจจะให้ความสำคัญกับดีไซน์ของเฟอร์นิเจอร์ที่มีความเก๋ เท่ มีรายละเอียด
แนวโคซี่ ( Cozy ) ที่ดูอบอุ่นชวนฝัน เน้นอุปกรณ์ของประดับตกแต่ง โทนสี ใช้ผ้า โซฟาดูสบายๆ รีแลกซ์ที่ทำให้รู้สึกอบอุ่นและผ่อนคลาย
แนวโฮมมี่ ( Homey ) เน้นใช้วัสดุธรรมชาติ เรียบง่าย สีโทนอุ่น ประดับตกแต่งด้วยของที่เป็นความชอบส่วนบุคคลของเจ้าของ

สิ่งที่ต้องคำนึงถึงในการทำสวนริมระเบียงมีอะไรบ้าง??

• ทิศทางของแสง และลม เพราะมีผลต่อการเลือกวัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ เพื่อให้เกิดความเหมาะสม และยังมีผลต่อการเลือกใช้ต้นไม้ที่จะนำมาเลี้ยง หรือประดับตกแต่ง เช่นหากพื้นที่แดดส่องทั้งวัน ปลูกเป็นไม้ที่ชอบแดดได้เช่น ไม้ดอก ไม้อวบน้ำ หรือจะเป็นผักสวนครัว ก็ได้ประโยชน์ในการนำมาปรุงอาหารได้ด้วย แต่หากแดดน้อย อาจปลูเป็นจำพวก เฟิร์น ไม้ใบที่ต้องการแสงน้อย










• การเลือกอุปกรณ์ หรือโต๊ะ เก้าอี้ เฟอร์นิเจอร์ต่างๆ ที่ช่วยประหยัดพื้นที่ และสามารถปรับแต่งการใช้งานได้ เหมาะสมและหลากหลาย เป็นอุปกรณ์ที่ทนต่อแสงแดดและฝน ซึ่งเป็นอุปกรณ์เฉพาะ ที่มีจำหน่ายในห้างร้านเฉพาะ อย่างเช่น Ikea, Homepro, ไทวัสดุ ในหมวดบ้านและสวน



• พื้นที่ใช้จัดนั้น มีระบบการระบายน้ำอย่างไร การปรับพื้นที่ เหมาะสม หรือเป็นอุปสรรคกับการระบายน้ำหรือไม่

การวางแบบ และคำนวนพื้นที่ให้เหมาะสม และวัดขนาดให้ดี เพราะด้วยพื้นที่จำกัด หากไม่มีการวางแผนก่อนแล้วนั้น จะทำให้การปรับจัด หรือตกแต่งจะค่อนข้างยาก เช่น การจัดสวนแนวตั้ง หรือใช้พื้นที่แนวตั้งในการช่วยประหยัดพื้นที่ในการปลูก ซึ่งในการติดตั้งอุปกรณ์ หรือการใช้ชั้นวางต้นไม้ โดยต้องคำนวนพื้นที่ให้ขนาดตามจำกัด

• แสงไฟในยามค่ำคืน ว่ามีความเหมาะสม หรือเพียงพอหรือไม่ อาจจะมีการเพิ่มแสงสว่าง หรือไฟตกแต่ง

• การดูแลรักษาหลังจากที่จัดแล้ว มีความยากง่าย ในการดูแลแค่ไหน เพราะหากการวางผัง หรือเลือกวัสดุไม่ดี อาจจะทำให้ดูแลรักษายาก จะทำให้สวนของเราโทรมไวขึ้น

ส่วนลด !! พิเศษ สูงสุด 50% ช้อปเลย..

📌 รวมพิกัด ไอเท็มทำสวนไว้ให้เลือกช้อป !!

Advertisement  / โฆษณา

ไอเดีย และวิธีจัดสวนถาดกระบองเพชร น่ารักๆ


รูปแบบการจัดสวนถาดกระบองเพชร ไม่ได้มีแบบ หรือกฎเกณฑ์ตายตัว เพราะขึ้นอยู่กับจิตนาการของผู้จัด การจัดมีทั้งที่เป็นสวนจำลองเล็กๆ หรือเป็นการปลูกรวมเหมือนจัดแจกันดอกไม้ โดยในการเลือกต้นที่ใช้จัด มีคำแนะนำว่า ควรเลือกประเภทของต้นที่ชอบแดด และน้ำใกล้เคียงกัน เพื่อให้ง่ายต่อการดูแลต่อภายหลัง

ส่วนกระถางที่ใช้ปลูกควรมีรูระบายน้ำ และถ้าเป็นการปลูกในไทย ที่อากาศชื้นสูง ดินแห้งช้า ควรมีหิน หรือวัสดุที่มีความโปร่งรองก้นกระถาง เพื่อกันน้ำขัง และทำให้ต้นเน่าได้ง่าย









วัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ : ดินปลูกกระบองเพชร หินรองก้นกระถาง หินโรยหน้าตกแต่ง หินประดับ ตุ๊กตาตกแต่ง

การดูแลรักษา : ควรวางไว้ในที่มีแสงแดด หรือหากปลูกในที่ๆ แสงน้อย ควรต้องนำมาวางโดนแดดเพื่อให้ต้นไม้ได้สังเคราะห์แสง ถ้าหากเลี้ยงในที่ที่แสงน้อย ไม่ควรนำมาวางกลางแดดแรงเลย เพราะจะทำให้ต้น ปรับตัวไม่ทันจนช็อกแดด หรือต้นไหม้เป็นแผลได้ ควรเป็นแดดที่ความเข้มข้น 60-70% การให้น้ำ หรือรดน้ำ ให้เมื่อดินแห้ง และรดให้ชุ่มไปจนถึงราก เพื่อป้องกันไม่ให้ต้นขาดน้ำ ไม่แนะนำให้ใช้ฟ็อกกี้ฉีดพ่น เพราะน้ำจะไปไม่ถึงราก อาจทำให้ต้นเหี่ยวหรือขาดน้ำได้

ขอบคุณภาพจาก : Pinterest

📌 รวมพิกัด ไอเท็มทำสวนไว้ให้เลือกช้อป !!

Advertisement  / โฆษณา

ไอเดียจัดมุมสวนเล็กๆ สไตล์มินิมอล ด้วยกระบองเพชร (แคคตัส)


สวนสไตล์มินิมอล เหมาะกับพื้นที่เล็กๆ ที่มีแสงแดดส่องถึงตลอดวัน การใช้กระบองเพชร หรือไม้อวบน้ำจัดสวน ช่วยให้พื้นที่ที่ดูแข็ง มีความเป็นธรรมชาติมากขึ้น ซึ่งกระบองเพชร หรือไม้อวบน้ำที่นิยมนำมาจัดสวน ก็จะเป็นจำพวกไม้ลำ หรือที่มีลักษณะเป็นใบ เช่น คอนโดนางฟ้า ใบเสมา ยูโฟเบีย เพราะมีขนาดใหญ่ และฟอร์มของต้นที่จัดแต่งได้ง่าย อาจจะแซมด้วย อากาเว่ หรือกระบองเพชรสกุล ถังทอง อิชินอป ด้านบนดินโรยตกแต่งหน้าด้วยหิน









ซึ่งสิ่งที่ต้องคำนึงถึงอย่างมากในการจัดสวนกระบองเพชร คือ การมีทางระบายน้ำ ไม่ให้น้ำท่วมขัง และควรเป็นพื้นที่ที่มีแสงแดดเพียงพอกับความต้องการของกระบองเพชร ดินต้องไม่เก็บความชื้นมาก ควรเป็นดินทราย ดินโปร่งระบายน้ำได้ดี และควรมีการรองด้านล่างด้วยหิน เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดน้ำขัง

ขอบคุณภาพจาก: Pinterest, Google

📌 รวมพิกัด ไอเท็มทำสวนไว้ให้เลือกช้อป !!

Advertisement  / โฆษณา

จัดมุม กระบองเพชร ไม้อวบน้ำ Succulent Corner สร้างความสดชื่นให้กับบ้าน หรือมุมนั่งทำงาน


Succulent Corner 🌵 สร้างความสดชื่นให้กับบ้านหรือ มุมที่ต้องนั่งทำงาน ด้วยต้นกระบองเพชร ไม้อวบน้ำ ไม้ฟอกอากาศ
– หากใครมีต้นอยู่แล้วก็เอามาวางประดับกับของแต่งบ้านต่างๆ หรือ ไม้ประเภทอื่นๆ แต่ถ้าหากพื้นน้อย ก็อาจจะใช้การติดตั้งชั้นที่ผนังเพื่อวาง

คำแนะนำ หากมีหลายต้นอาจจะใช้สลับกันวางตากแดดบ้าง เพื่อให้ต้นไม้ไม่ขาดแสงแดด

—- 🧐 ควรต้องเลือกดูสายพันธุ์ที่เหมาะกับการเลี้ยงในที่ที่มีแสงแดดน้อยได้ เช่น ยิมโน อิชินอป ฮาโวเทีย

—- ☑️ดินที่เลือกใช้ควรเป็นดินปลูก ที่โปร่งและเหมาะสม หรือดินปลูกไม้อวบน้ำโดยเฉพาะ

—- ☀️ แสงแดดนั้นจำเป็นมากับพืชตระกูลนี้ ควรต้องให้ได้รับแสงแดดที่พอเพียง เพื่อไม่ให้ต้นเสียฟอร์ม หรือเกิดการเน่าในดินเพราะความชื้นที่เยอะเกินไป

—- 💦 การรดน้ำควรรดเมื่อดินแห้ง เพราะไม้อวบน้ำนั้น เป็นพืชที่ไม่ต้องการน้ำบ่อย เขาจะเก็บกักน้ำไว้ในตัวเองได้เยอะ ฉะนั้นจึงไม่ต้องรดน้ำบ่อย









การเลี้ยงดู เปลี่ยนกระถางและรายละเอียดต่าง ๆ เพิ่มเติม >> คลิก <<

ขอบคุณภาพไอเดียดีๆ : pinterest

📌 รวมพิกัด ไอเท็มทำสวนไว้ให้เลือกช้อป !!

Advertisement  / โฆษณา

ไอเดีย ชั้นวางกระบองเพชร ไม้อวบน้ำ แบบเก๋ๆ สำหรับคนที่พี้นที่มีน้อย ต้องใช้สอยประหยัด


ไอเดีย ชั้นวางกระบองเพชร 🌵 ไม้อวบน้ำ แบบเก๋ๆ สำหรับคนที่พี้นที่มีน้อย ต้องใช้สอยประหยัด มาฝากกันค่ะ เหมาะกับคนที่อยู่คอนโด หอ หรือมีพื้นที่จำกัด แต่อยากจะมีมุมเขียวๆ มุมเล็กๆ ไว้ให้ดูสดชื่น

มีทั้งที่เป็นงานแบบ DIY เป็นการประยุกต์ของมาใช้ แบบงบน้อย หรือจะซื้อสำเร็จมาตั้ง

ส่วนตำแหน่งการวางนั้นควรจะเป็นที่ ที่มีแสงแดดส่องถึงได้ และถ้าหากตรงที่วางนั้นได้รับแสงไม่เพียงพอ ควรนำต้นเขาออกมารับแสงบ้าง เพื่อป้องกันการเน่า หรืออับชื้นในดิน และต้นเสียฟอร์ม วัสดุที่จะนำมาเป็นพื้นวางควรกันนำและกันชื้นได้ดี









ขอบคุณภาพไอเดียเก๋ๆ : Pinterest

📌 รวมพิกัด ไอเท็มทำสวนไว้ให้เลือกช้อป !!

Advertisement  / โฆษณา