ชุดบำรุง เร่งดอก เร่งราก เสริมความแข็งแรงต้น ปลอดสารพิษ MATEM ORGANIC BLOOM BOOSTER PLANT CARE SET


ชุดบำรุง เร่งดอก เร่งราก เสริมความแข็งแรงต้น MATEM ในชุดประกอบด้วย 3 อย่าง


+ มูลค้างคาว 100% ขนาด: 1 กิโลกรัม / ถุง
+ อาหารจานด่วนบำรุงพืช ขนาด: 250 ml / ขวด
+ Super food & booster ขนาด: 250 ml / ขวด

// Speacial offer //
พิเศษ จากราคา 195 บาท ลดเหลือ 180 บาท

ราคา ฿ 195 180

✔️ เลือกช่องทางการสั่งซื้ออื่น


รายละเอียดสินค้า

ในเซตประกอบด้วย 3 อย่าง

  • MATEM BAT GUANO มูลค้างคาว 100% == บำรุงต้น เน้นการเร่งดอก ขั้วเหนี่ยว ติดผลดี ผลรสชาติดี
  • MATEM POWER อาหารจานด่วนบำรุงพืช ชนิดน้ำเข้มข้น == เร่งราก ใบเขียวสด ใบสีสดใส แก้ปัญหาดินแข็ง รากไม่เดิน ทำให้ต้นโทรม
  • MATEM Super food & Booster อาหารพืชชนิดน้ำเข้มข้น == อุดมด้วยธาตุอาหารที่สำคัญต่อพืช ช่วยบำรุง และฟื้นฟูต้นให้สมบูรณ์ แข็งแรง ติดดอก ออกผล รากแน่น

MATEM BAT GUANO มูลค้างคาว 100% :: ดูรายละเอียดสินค้าเพิ่มเติม >> คลิก <<

MATEM Super food & Booster อาหารพืชชนิดน้ำเข้มข้น :: ดูรายละเอียดสินค้าเพิ่มเติม >> คลิก <<

MATERM POWER อาหารจานด่วนบำรุงพืช ชนิดน้ำเข้มข้น :: ดูรายละเอียดสินค้าเพิ่มเติม >> คลิก <<


วิธีการใช้งาน

== 🌺 ช่วงที่ต้องการเร่งดอก ==
ให้ใช้ MATEM BAT GUANO มูลค้างคาว 100% โรยหน้ากระถาง 10-15 วัน / ครั้ง + MATEM POWER อาหารจานด่วนบำรุงพืช ชนิดน้ำ ผสมน้ำแบบเจือจางฉีดพ่น ทุกๆ 3-5 วัน

== 🍅 บำรุงต้นหลังจากเริ่ม ติดผล บำรุงให้ลูกสมบูรณ์ อวบใหญ่ ==
ให้ใช้ MATEM BAT GUANO มูลค้างคาว 100% โรยหน้ากระถาง 10-15 วัน / ครั้ง + MATEM Super food & Booster ผสมแบบเจือจาง รดลงดิน 3-5 วัน / ครั้ง

== 🌳บำรุงต่อเนื่องเสริมความสมบูรณ์ของต้น ==
– ให้ใช้ MATEM Super food & Booster อาหารพืชชนิดน้ำเข้มข้น ผสมเข้มข้น รดลงดิน หรือ ผสมน้ำแบบเจือจางฉีดพ่น 7-10 วัน / ครั้ง

== 🌱 กระตุ้นราก เร่งการแตกยอด ตอกตา เร่งใบเขียว ==
ให้ใช้ MATEM Super food & Booster อาหารพืชชนิดน้ำเข้มข้น ผสมน้ำแบบเจือจางฉีดพ่น ทุกๆ 2-3 วัน + MATEM POWER อาหารจานด่วนบำรุงพืช ชนิดน้ำ ผสมเข้มข้น รดลงดิน 7-10 วัน / ครั้ง

** สินค้าทุกตัวในเซตสามารถใช้ผสมดินปลูก หรือใช้ในการทำปุ๋ยหมักได้

ริวิว การจัดส่งสินค้าจากคุณลูกค้า

ชุดบำรุง ดูแล พืช ปลอดสารเคมี Matem (มาเต็ม) Organic plant care set ใช้ได้กันต้นไม้ทุกประเภท


ชุดบำรุง ดูแลพืช ปลอดสารเคมี MATEM ในชุดประกอบด้วย 5 อย่าง


+ มูลค้างคาว 100% ขนาด: 1 กิโลกรัม / ถุง
+ อาหารจานด่วนบำรุงพืช ขนาด: 250 ml / ขวด
+ Super food & booster ขนาด: 250 ml / ขวด
+ Soil Reboot ขนาด: 800 กรัม / ถุง
+ ไตโครเดอร์มา ขนาด: 100 กรัม / ถุง

// Speacial offer //
พิเศษ จากราคา 335 บาท ลดเหลือ 295 บาท

ราคา ฿ 335 295

✔️ เลือกช่องทางการสั่งซื้ออื่น


รายละเอียดสินค้า

ในเซตประกอบด้วย 5 อย่าง

  • MATEM BAT GUANO มูลค้างคาว 100% == บำรุงต้น เน้นการเร่งดอก ขั้วเหนี่ยว ติดผลดี ผลรสชาติดี
  • MATERM POWER อาหารจานด่วนบำรุงพืช ชนิดน้ำเข้มข้น == เร่งราก ใบเขียวสด ใบสีสดใส แก้ปัญหาดินแข็ง รากไม่เดิน ทำให้ต้นโทรม
  • MATEM Super food & Booster อาหารพืชชนิดน้ำเข้มข้น == อุดมด้วยธาตุอาหารที่สำคัญต่อพืช ช่วยบำรุง และฟื้นฟูต้นให้สมบูรณ์ แข็งแรง ติดดอก ออกผล รากแน่น
  • MATEM Soil Reboot วัสดุจากแร่ธรรมชาติ == ปรับปรุง และบำรุงดิน ให้สมบูรณ์ รากเดินดี ดูดซึมอาหารได้ดี ลดความสิ้นเปลืองในการใช้ปุ๋ย เสริมความแข็งแรงให้ต้น
  • MATEM Trichoderma ( ไตรโคเดอร์มา ) == ป้องกัน ควบคุมเชื้อราร้ายก่อโรค ที่ให้เกิดโรคเน่า ต่างๆ และป้องกันการเน่าในการเพาะกล้า เพาะเมล็ด กระตุ้น เสริมภูมิคุ้มกันโรคให้กับต้น

MATEM BAT GUANO มูลค้างคาว 100% :: ดูรายละเอียดสินค้าเพิ่มเติม >> คลิก <<

MATEM Super food & Booster อาหารพืชชนิดน้ำเข้มข้น :: ดูรายละเอียดสินค้าเพิ่มเติม >> คลิก <<

MATEM Soil Reboot วัสดุจากแร่ธรรมชาติ :: ดูรายละเอียดสินค้าเพิ่มเติม >> คลิก <<

MATERM POWER อาหารจานด่วนบำรุงพืช ชนิดน้ำเข้มข้น :: ดูรายละเอียดสินค้าเพิ่มเติม >> คลิก <<

MATEM Trichoderma ( ไตรโคเดอร์มา ) :: ดูรายละเอียดสินค้าเพิ่มเติม >> คลิก <<


วิธีการใช้งาน

== 🌺 ช่วงที่ต้องการเร่งดอก ==
ให้ใช้ MATEM BAT GUANO มูลค้างคาว 100% โรยหน้ากระถาง 15 วัน / ครั้ง + MATEM POWER อาหารจานด่วนบำรุงพืช ชนิดน้ำ ผสมน้ำแบบเจือจางฉีดพ่น ทุกๆ 3-5 วัน

== 🍅 บำรุงต้นหลังจากเริ่ม ติดผล บำรุงให้ลูกสมบูรณ์ อวบใหญ่ ==
ให้ใช้ MATEM BAT GUANO มูลค้างคาว 100% โรยหน้ากระถาง 15 วัน / ครั้ง + MATEM Super food & Booster ผสมแบบเจือจาง รดลงดิน 3-5 วัน / ครั้ง

== 🌳บำรุงต่อเนื่องเสริมความสมบูรณ์ของต้น ==
– ให้ใช้ MATEM Super food & Booster อาหารพืชชนิดน้ำเข้มข้น ผสมเข้มข้น รดลงดิน หรือ ผสมน้ำแบบเจือจางฉีดพ่น 7-10 วัน / ครั้ง
– ให้ใช้ MATEM Soil Reboot วัสดุจากแร่ธรรมชาติ 1 เดือน / ครั้ง

+ ให้ใช้ MATEM Trichoderma ( ไตรโคเดอร์มา ) 15 วัน / ครั้ง **แต่ถ้าหากเป็นช่วงที่มีโรคระบาด หรืออากาศมีความชื้นสูงสามารถลดระยะห่าง เปลี่ยนเป็นถี่ขึ้น หรือ 3-5 วัน / ครั้ง

== 🌱 กระตุ้นราก เร่งการแตกยอด ตอกตา เร่งใบเขียว ==
ให้ใช้ MATEM Super food & Booster อาหารพืชชนิดน้ำเข้มข้น ผสมน้ำแบบเจือจางฉีดพ่น ทุกๆ 2-3 วัน + MATEM POWER อาหารจานด่วนบำรุงพืช ชนิดน้ำ ผสมเข้มข้น รดลงดิน 7-10 วัน / ครั้ง

** สินค้าทุกตัวในเซตสามารถใช้ผสมดินปลูก หรือใช้ในการทำปุ๋ยหมักได้

ริวิว การจัดส่งสินค้าจากคุณลูกค้า

ไตรโคเดอร์มา ( Trichoderma ) ชนิดผง พร้อมใช้ ช่วยป้องกัน ควบคุมเชื้อราร้ายที่ก่อให้เกิดโรคพืช พร้อมช่วยบำรุงดิน และต้น ( MATEM )


MATEM Trichoderma (ไตรโคเดอร์มา) ชนิดผง พร้อมใช้


ขนาด: 100 กรัม / ถุง

// Speacial offer //
พิเศษ 3 ถุง จากราคา 240 บาท ลดเหลือ 200 บาท

ราคา ฿ 80

✔️ เลือกช่องทางการสั่งซื้ออื่น


รายละเอียดสินค้า

ไตรโคเดอร์มา คืออะไร และมีประโยชน์อย่างไร ?? อ่านเพิ่ม >> คลิก <<

วิธีการใช้งาน และอัตราส่วนผสมน้ำ

ารใช้งานหากต้องการให้ได้ผลดี จึงเป็นลักษณะการใช้เพื่อป้องก้น ก่อนการเกิดโรคต่างๆ หากในระยะที่ติดเชื้อ หรือเกิดโรคแล้วจะควบคุมได้ค่อนข้างยากกว่า ดังน้้นการใช้งานในช่วงที่ระบาดจึงต้องมีความถี่ และใช้ควบคู่กับการดูแลด้านอื่นๆ

  • กระตุ้น และเสริมสร้างภูมิคุ้มกันของพืชให้แข็งแรง ต้านทานโรคได้ดี
  • ควบคุม ยับยั้ง เข้าทำลาย เชื้อราร้ายต่างๆ ที่ก่อให้เกิดโรคกับพืช
  • ช่วยย่อยสลาย อินทรีย์วัตถุในดิน เพื่อเพิ่มธาตุอาหารที่เป็นประโยชน์
  • ปรับเปลี่ยนธาตุอาหารในดิน เพื่อให้อยู่ในรูปแบบที่พืชสามารถนำไปใช้ได้ดี
  • ช่วยกระตุ้นให้พืชแข็งแรง ต้านทานโรค และมีผลผลิตที่ดี
  • ช่วยปรับโครงของดินที่ มีสภาวะดินเสื่อม ที่เเป็นสาเหตุให้พืชอ่อนแอ และเกิดโรคได้ง่าย


การใช้งาน

  • ใช้คลุกเมล็ดพันธุ์ เพื่อป้องกันโรคที่อาจติดมากับเมล็ดพันธุ์
  • รองก้นหลุม ที่ต้องการปลูกพืช
  • ผสมกับวัสดุปลูก ดินปลูก หรือปุ๋ยหมักต่างๆ
  • ผสมน้ำการฉีดพ่นตามใบ ต้น หรือดิน หรือรดโคนต้น
  • โรยหน้ากระถาง หว่านลงดิน หรือแปลงปลูก

**หากผสมน้ำแล้ว ควรใช้ให้หมดต่อครั้ง ไม่ควรผสมทิ้งไว้ เพราะจะทำให้ประสิทธิภาพลดลงได้

ข้อจำกัดในการใช้งาน

  • ไม่ควรใช้งานในช่วงที่แสงแดดจัด อากาศร้อน เพราะจะทำให้ประสิทธิภาพลดลง เนื่องจากเชื้อตาย
  • ก่อนใช้งาน รดน้ำให้ดินมีความชื้นพอเหมาะ หรือไม่แฉะจนเกินไป
  • ไม่ควรใช้งานร่วมกันกับสารเคมี เพราะอาจเข้าไปยับยั้ง หรือทำให้เชื้อตาย และหมดประสิทธิภาพได้ **หากมีความจำเป็นต้องใช้งานสารเคมี ควรเว้นระยะในช่วง 7-10 วัน ก่อน หรือหลังการใช้เชื่อราไตรโคเดอร์มา
  • ไม่ควรใช้กับการเพาะเห็ด เพราะเชื้อราไตรโคเดอร์มา เป็นเชื้อราที่กินเชื้อราเป็นอาหาร ( ซึ่งเห็ดเป็นพืชอยู่ในกลุ่มรา )

คำแนะนำสำคัญในการใช้คือ ไตรโครเดอร์มาเหมาะกับพืชที่ยังไม่แสดงอาการของโรค ใช้เพื่อป้องกันจะได้ประสิทธิภาพดีกว่าโดยสามารถใช้ได้ตั้งแต่ ระยะเพาะเมล็ด การเตรียมต้นกล้าพืช

หากพืชแสดงอาการของโรคแล้ว ให้เพิ่มความถี่ในการใช้งาน แต่หากมีการระบาดรุนแรง อาจไม่สามารถควบคุมการระบาดของโรคได้ทันท่วงที จึงจำเป็นต้องใช้วิธีอื่นๆ เข้าร่วมด้วย

อัตราส่วนการผสมโดยประมาณ
ปริมาณ 1 ช้อนโต๊ะ เท่ากับ 10-12 กรัม โดยประมาณ
ปริมาณ 1 ช้อนชา เท่ากับ 2-3 กรัม โดยประมาณ

น้ำ / ลิตรหน่วยตวง / กรัมหน่วยตวง / ช้อนชาหน่วยตวง / ช้อนโต๊ะ
20100 กรัม35-45 ช้อนชา10-12 ช้อนโต๊ะ
1050 กรัม25-30 ช้อนชา5-6 ช้อนโต๊ะ
533 กรัม10-12 ช้อนชา 2-3 ช้อนโต๊ะ
15 กรัม2-3 ช้อนชา1/2 (ครึ่งช้อนโต๊ะ)

ริวิว การจัดส่งสินค้าจากคุณลูกค้า

เชื้อรา ไตรโคเดอร์มา Trichoderma คืออะไร มีประโยชน์อะไรบ้าง ?? และวิธีการใช้ควบคุมโรคพืช


ไตรโคเดอร์มา เป็นสิ่งมีชีวิต เชื้อราชั้นดีชนิดหนึ่ง ที่ถูกดึงเอามาใช้ในการเกษตรที่ไม่ต้องการใช้สารเคมี เพื่อป้องกัน และควบคุมโรคพืช ที่เกิดจากเชื้อราก่อโรค โดยให้เป็นกลไกการเข้าทำลายเชื้อราก่อโรคตามธรรมชาติ ซึ่งกระบวนการเข้าทำลาย แย่งอาหาร ขยายตัวครอบคลุมเชื้อราก่อโรค ส่งผลให้ผนังเซลล์ของเชื้อราก่อโรคถูกทำลาย และเชื้อราไตรโคเดอร์มาจะสร้าง และปลดปล่อยสารปฏิชีวนะออกมา ซึ่งสารนั้นมีคุณสมบัติในการยับยั้ง และทำลายเชื้อราก่อโรค

เชื้อราไตรเดอร์มานั้นมีหลากหลายสายพันธุ์ อาทิเช่น Trichoderma Harzianum, Trichoderma Viride, Trichoderma Amatum แต่ที่นิยมใช้และมีการวิจัยว่า ทนต่อสภาพอากาศของประเทศไทย คือ Trichoderma Harzianum

ส่วนเชื้อราก่อโรคได้แก่

เชื้อรา พิเทียม ( Pythium ) เป็นสาเหตุของ โรคเน่าระดับดิน กล้ายุบ กล้าเน่า
เชื้อรา ฟิวซาเรียม ( Fusarium ) เป็นสาเหตุของ โรคเหี่ยว
เชื้อรา สเคลอโรเทียม ( Sclerotium rolfsii ) เป็นสาเหตุของ โรคโคนเน่า เหี่ยว
เชื้อรา ไรซอคโทเนีย ( Rhizoctonia ) เป็นสาเหตุของ โรคเน่าระดับดิน กล้าเน่า
เชื้อรา คอลเลโททริคัม ( Colletotrichum ) เป็นสาเหตุของ โรคใบจุด แอนแทรคโนส
เชื้อรา อัลเทอร์นาเรีย ( Alternaria ) เป็นสาเหตุของ โรคใบจุด ใบไหม้









การนำไปใช้งาน และประโยชน์ ของเชื้อรา “ไตรโคเดอมา”

“ไตรโคเดอร์มา” เป็นเชื้อราดี ที่ไม่มีอันตราย พืช คน และสัตว์ มีคุณสมบัติในการเข้าทำร้าย เชื้อราร้ายที่ก่อให้เกิดโรคกับพืช ไตรโคเดอร์มา มี 3 รูปแบบ คือ ชนิดผง ชนิดน้ำ และเชื้อสด

ารใช้งานหากต้องการให้ได้ผลดี จึงเป็นลักษณะการใช้เพื่อป้องก้น ก่อนการเกิดโรคต่างๆ หากในระยะที่ติดเชื้อ หรือเกิดโรคแล้วจะควบคุมได้ค่อนข้างยากกว่า ดังน้้นการใช้งานในช่วงที่ระบาดจึงต้องมีความถี่ และใช้ควบคู่กับการดูแลด้านอื่นๆ

  • ควบคุม ยับยั้ง เข้าทำลาย เชื้อราร้ายต่างๆ ที่ก่อให้เกิดโรคกับพืช
  • กระตุ้น และเสริมสร้างภูมิคุ้มกันของพืชให้แข็งแรง ต้านทานโรคได้ดี
  • ช่วยย่อยสลาย อินทรีย์วัตถุในดิน เพื่อเพิ่มธาตุอาหารที่เป็นประโยชน์
  • ปรับเปลี่ยนธาตุอาหารในดิน เพื่อให้อยู่ในรูปแบบที่พืชสามารถนำไปใช้ได้ดี
  • ช่วยกระตุ้นให้พืชแข็งแรง ต้านทานโรค และมีผลผลิตที่ดี
  • ช่วยปรับโครงของดินที่ มีสภาวะดินเสื่อม ที่เเป็นสาเหตุให้พืชอ่อนแอ และเกิดโรคได้ง่าย

การใช้งาน
  • ใช้คลุกเมล็ดพันธุ์ เพื่อป้องกันโรคที่อาจติดมากับเมล็ดพันธุ์
  • รองก้นหลุม ที่ต้องการปลูกพืช
  • ผสมกับวัสดุปลูก ดินปลูก หรือปุ๋ยหมักต่างๆ
  • การฉีดพ่นตามใบ ต้น หรือดิน หรือรดโคนต้น
  • โรยหน้ากระถาง หว่านลงดิน หรือแปลงปลูก
ข้อจำกัดในการใช้งาน
  • ไม่ควรใช้งานในช่วงที่แสงแดดจัด อากาศร้อน เพราะจะทำให้ประสิทธิภาพลดลง เนื่องจากเชื้อตาย
  • ก่อนใช้งาน รดน้ำให้ดินมีความชื้นพอเหมาะ หรือไม่แฉะจนเกินไป
  • ไม่ควรใช้งานร่วมกันกับสารเคมี เพราะอาจเข้าไปยับยั้ง หรือทำให้เชื้อตาย และหมดประสิทธิภาพได้ **หากมีความจำเป็นต้องใช้งานสารเคมี ควรเว้นระยะในช่วง 7-10 วัน ก่อน หรือหลังการใช้เชื่อราไตรโคเดอร์มา
  • ไม่ควรใช้กับการเพาะเห็ด เพราะเชื้อราไตรโคเดอร์มา เป็นเชื้อราที่กินเชื้อราเป็นอาหาร ( ซึ่งเห็ดเป็นพืชอยู่ในกลุ่มรา )

คำแนะนำสำคัญในการใช้คือ ไตรโครเดอร์มาเหมาะกับพืชที่ยังไม่แสดงอาการของโรค ใช้เพื่อป้องกันจะได้ประสิทธิภาพดีกว่าโดยสามารถใช้ได้ตั้งแต่ ระยะเพาะเมล็ด การเตรียมต้นกล้าพืช

หากพืชแสดงอาการของโรคแล้ว ให้เพิ่มความถี่ในการใช้งาน แต่หากมีการระบาดรุนแรง อาจไม่สามารถควบคุมการระบาดของโรคได้ทันท่วงที จึงจำเป็นต้องใช้วิธีอื่นๆ เข้าร่วมด้วย

แต่ถึงแม้จะมีข้อจำกัดใดๆ หากเราป้องกันไว้ดี หรือดูแลสม่ำเสมอการเกิดโรคก็มีอัตราต่ำ และที่สำคัญคือ การลด หรือหยุดใช้สารเคมี นั้นจะส่งผลที่ดีในระยะยาวอย่างแน่นอน

📌 รวมพิกัด ไอเท็มทำสวนไว้ให้เลือกช้อป !!

Advertisement  / โฆษณา

อาหารพืชชนิดเข้มข้น ช่วยบำรุง และฟื้นฟู เร่งดอก ผลดก ( MATEM SUPER FOOD & BOOSTER PLANT) ต้นอวบ ใบเขียว รากแน่น


Matem Super food & Booster อาหารบำรุง ฟื้นฟู เร่ง ดอก ผล แบบน้ำชนิดเข้มข้น สามารถผสมได้ 50 – 250 เท่า ( ขึ้นอยู่กับการใช้งาน ) สินค้า จัดส่งพร้อมไซริงค์ สำหรับวัดปริมาณ และ ใบแนบการใช้งาน

ขนาด: 250 ml / ขวด

// Speacial offer //
พิเศษ 2 ขวด จากราคา ฿ 120  ลดเหลือ 100 บาท

ราคา ฿ 60

✔️ เลือกช่องทางการสั่งซื้ออื่น


รายละเอียดสินค้า

อาหารบำรุงพืช ขนิดน้ำแข้มข้น อุดมไปด้วยสารอาหาร จุลทรีย์ ที่ประโยชน์ และจำเป็นต่อพืช จากวัตถุดิบที่ดีมา ผ่านการหมักบ่ม ให้พร้อมใช้งาน ช่วยเสริมสร้างโครงสร้างพืช ให้แข็งแรง ต้นอวบ ใบเขียว หนา ทำให้รากฟูแน่น ดูดซึมสารอาหารในดินได้ดี จึงทำให้ติดดอก ติดผล ง่าย และยังช่วยให้ดอก และผลสมบูรณ์ การให้อาหารพืชแบบน้ำนั้น จะช่วยให้พืชดึงสารอาหารไปใช้ได้เร็ว และการให้อาหารทางใบยังช่วยฟื้นฟู กระตุ้นต้นให้กลับมาแข็งแรงได้ จากต้นโทรม เพราะสภาพดินไม่สมบูรณ์ โดนศัตรูพืช หรือโรคเข้าทำลายต้น

คุณสมบัติ

เสริมธาตุอาหารที่จำเป็นต่อพืช ช่วยให้พืชแข็งแรง ต้านทานโรคได้ดี
• มีธาตุอาหารที่กระตุ้นการเร่งดอก ทำให้ติดผลง่าย ผลสมบูรณ์ เนื้อแน่น
• มีจุลทรีย์ ที่ช่วยย่อยธาตุอาหารที่มีอยู่ในดิน และปลดปล่อยให้กับพืช ทำให้ดินร่วนซุย รากเดินดี
• กระตุ้นการเกิดราก และช่วยให้รากแข็งแรงหาอาหารได้เก่ง ต้นไม้ล้ม หรือโคนง่าย
• ช่วยเสริมโครงสร้างของต้น ให้สมบูรณ์ ต้นอวบ โต ใบแน่น ใบฟู ใบสีเขียวสด มีคลอโรฟิลล์ ทำให้พืชสังเคราะห์ด้วยแสงดี
• มีกรดจากผลไม้หมักธรรมชาติ เป็นกรดชนิดอ่อน หากใช้ต่อเนื่องจะช่วยลดแมลง และศัตรูพืชได้
• ไร้สารเคมี ไม่ทำให้ดินเสียในระยะยาว ปลอดภัยกัยผู้ใช้ และสภาพแวดล้อม

ขนาด ปริมาณ และวิธีการใช้งาน >> คลิก <<


รีวิวการใช้งานจากทางร้าน

จากพืชใบซีด เป็นใบเขียวสด อุดมไปด้วยคลอโรฟิลล์ เป็นสารสีเขียวมีหน้าที่สำคัญในการดูดชับพลังงานแสงมาใช้ในกระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสง เพื่อสร้างน้ำตาลที่เป็นสารตั้งต้นในการสังเคราะห์เป็นสารประกอบอินทรีย์อื่น ๆ ที่จำเป็นต่อการเจริญเดิบโตและการดำรงชีวิตของพืช พืชจะสะสมไว้ และค่อยส่งไปเสริมสร้างเนื้อเยื้อ และโครงสร้าง ต่างๆ หรือเปลี่ยนเป็นธาตุอาหารของพืช ใบสีเขียวจึงมีความสำคัญกับพืชมาก เพราะทำให้การสังเคราะห์ด้วยแสงมีประสิทธิภาพ สามารถกักเก็บพลังงานได้ดี

เมื่ออาหารสมบูรณ์ใบที่เกิดใหม่ก็ใบใหญ่เขียวสมบูรณ์

กระตุ้นการเกิดรากใหม่ ผสมกับวัสดุล่อรากชนิดต่างๆ ทำให้รากมาไว และได้รากที่แข็งแรงสมบูรณ์ รากที่เกิดใหม่ และสมบูรณ์จะทำให้ต้นหาอาหารเก่ง ส่งผลให้ต้นแข็งแรงเจริญงอกงามได้ดี

ใช้เลี้ยงต้นไม้แบบไม่ใช้ดิน ต้นงามรากฟู ต้นใบเขียว แตกหน่อ แตกกอ ต้นไม่ขาดสารอาหาร

ใช้ได้กับผักสวนครัว ไม้ผล พืชผัก โดยไม่ต้องกังวลกับสารเคมีตกค้าง เมื่อใช้อย่างต่อเนื่อง และสม่ำเสมอ

ริวิว การจัดส่งสินค้าจากคุณลูกค้า


วัสดุปรับปรุง บำรุงดิน ( MATEM Reboot )จากแร่ธรรมชาติ ดินร่วนซุย รากเดินดี ช่วยลดการใช้ปุ๋ย


MATEM Reboot วัสดุปรับปรุง บำรุง ดิน จากแร่ธรรมชาติ ช่วยรักษาสมดุลในดิน ปรับสภาพดินเสื่อม


ขนาด: 800 กรัม / ถุง

// Speacial offer //
พิเศษ 2 ถุง จากราคา 120 บาท ลดเหลือ 100 บาท

ราคา ฿ 60

✔️ เลือกช่องทางการสั่งซื้ออื่น


รายละเอียดสินค้า

วัสดุปรับปรุง บำรุงดิน จากแร่ธรรมชาติ ช่วยปรับสภาพ และเตรียมดินก่อนการเพาะปลูก ช่วยลดความเป็นกรดในดิน จากการใช้สารเคมี ที่เป็นสาเหตุให้ดินขาดสมดุล จนทำให้ดินจับตัวเป็นก้อนดินเหนียว ขาดช่องว่างในดิน ที่จะทำให้อากาศถ่ายเท และเกิดการขาดออกซิเจนในดิน จนทำให้รากไม่สามารถชอนไช หาอาหาร รากเสื่อมสภาพ รากฝอยไม่เกิด จนทำให้ต้นไม่สามารถดูดซึมธาตุอาหารในดินได้ ต้นจะแคระแกร่น โดนโรคพืชโจมตีได้ง่าย และเมื่อราก หรือดินเสื่อมสภาพการใส่ปุ๋ยบำรุง ต้นก็ไม่สามารถดึงแร่ธาตุในปุ๋ยไปใช้ได้และการที่ดินเกิดการจับตัวเป็นก้อน การระบายน้ำก็ทำได้ยาก อาจทำให้เป็นสาเหตุรากเน่าในดิน

เมื่อต้นไม้อยู่ในสภาพดินเสื่อมนานๆ ก็จะทำให้ต้นอ่อนแอลง หรือยืนต้นตายได้ในที่สุด ซึ่งการรักษาสมดุลในดินนั้นจึงเป็นเรื่องที่ต้องให้ความสำคัญ หากต้องการปลูกต้นไม้ในระยะยาว เพราะหากดินที่เสื่อมสภาพมากแล้วนั้น จะต้องใช้ระยะเวลานานกว่าจะกลับมามีความสมบูรณ์ได้

ซึ่งวิธีแก้ดินเสื่อม ดินกรด หรือดินตาย สามารถทำได้ • โดยใช้วัสดุปรับปรุงดิน • เพิ่มธาตุอาหารที่เป็นอินทรีย์ เช่น ปุ๋ยคอก ปุ๋ยหมักลงไปในดิน • เติมจุลทรีย์ ( น้ำหมักต่างๆ ) ที่เหมาะกับการเพาะปลูกเพิ่มลงในดิน • เพิ่มวัสดุปลูกที่ช่วยเพิ่มช่องว่างในดิน เช่น แกลบดิบ แกลบดำ หินภูเขาไฟ ทรายหยาบ เพื่อช่วยให้ดินกลับมามีชีวิตอีกครั้ง

MATEM REBOOTมาเต็ม รีบูท ช่วยเรื่องอะไรบ้าง ??

ลดการจับตัวของดิน ช่วยเนื้อดินร่วนซุย • อากาศหมุนเวียน • รากได้ออกซิเจนดี • รากชอนไชได้ดี • รากดูดซึมสารอาหารได้ดี • ดินเก็บความชื้นดี ไม่ขังน้ำ • ตรึงปุ๋ยบำรุงให้อยู่ในดินได้นาน ทำให้ปุ๋ยอินทรีย์ละลายช้า ค่อยๆ ปล่อยธาตุอาหารให้ต้น ลดการถูกชะล้าง ทำให้ประหยัดการใช้ปุ๋ย • ปรับสภาพดินเสีย ดินกรด ดินตาย • เพิ่มธาตุอาหาร ช่วยให้ต้นแข็งแรง ต้านทานโรคได้ดี

ข้อควรระวังในการใช้งาน

การใช้งานควรให้ตามกำหนด และปริมาณเหมาะสมกับพื้นที่ หรือกระถาง เพื่อป้องกันการตรึงแร่ธาตุของปุ๋ยในดินมากไป จนไม่ปลดปล่อยธาตุอาหารให้กับต้น

คำแนะนำการใช้งาน

  • 1 ช้อนชา ต่อ กระถาง 5 นิ้ว ( ปรับลดตามขนาดกระถาง ) โรยบนหน้ากระถางให้ห่างจากโคนต้น
  • หว่านลงหน้าแปลงดิน ก่อนทำการเพาะปลูก
  • รองก้นหลุมก่อนปลูก
  • ผสมก้บดินปลูก เพื่อช่วยเพิ่มธาตุอาหาร
  • ผสมกับปุ๋ยต่างๆ เพื่อลดการชะล้าง และตรึงปุ๋ยในดินให้นานขึ้น

ระยะเวลา : ทุกๆ 20-30 วัน / ครั้ง

ริวิว การจัดส่งสินค้าจากคุณลูกค้า

ทำไม?? หลังผสมดินปลูกแล้ว ควรพัก หมักบ่มดิน ก่อนใช้


ในการผสมดินปลูกพืช หรือต้นไม้ เป็นการนำอนินทรีย์วัตถุ และอินทรีย์วัตถุต่างๆ มาผสมกัน เพื่อให้เป็นธาตุอาหารแก่พืช ใช้ในการเจริญเติบโด โดยมีจุลินทรีย์ต่างๆ เกิดกิจกรรม การย่อย และปลดปล่อยธาตุอาหารออกมาในดิน ซึ่งในระหว่างที่จุลินทรีย์เจอกับอาหาร และมีกระบวนการย่อยสลายนั้น จะทำให้เกิดก๊าซ และความร้อน รวมทั้งในจุลินทรีย์บางชนิด ต้องใช้ก๊าซในการดำรงชีวิต และย่อย เช่น ก๊าซออกซิเจน และไนโตรเจน

นั่นจึงเป็นสาเหตุ ที่เราควรจะต้องพักดินก่อนนำไปปลูก เพื่อป้องกันไม่ให้ในระหว่างการย่อยสลายของจุลินทรีย์ที่ยังไม่สมบูรณ์นั้น ทำให้เกิดสภาวะความร้อนในดินสูง จนทำให้รากไหม้ และโดนจุลินทรีย์แย่งออกซิเจน และไนโตรเจนในดิน ซึ่งกระบวนการย่อยสลายนั้น ใช้ระยะเวลาแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับวัสดุปลูกที่เลือกนำมาใช้เป็นส่วนผสม

หากเป็นพืชสด หรือซากพืช มูลสัตว์ ที่ยังมีการย่อยสลายไม่สมบูรณ์ จะต้องใช้ระยะเวลานาน กว่าจุลินทรีย์จะทำการย่อยสลายเสร็จสมบูรณ์ จนดินเย็นตัวพร้อมใช้งาน









ฉะนั้นหากต้องการลดระยะเวลาการหมักดินก็ควรเลือกปุ๋ยคอก หรือปุ๋ยหมักที่ผ่านการย่อยสลายมาแล้ว เช่น น้ำหมักจุลินทรีย์ต่างๆ มูลไส้เดือน ที่ได้จากการย่อยสลายมูลวัว และพักทิ้งไว้จนคลายก๊าซ และความร้อนแล้ว มูลค้างคาวเก่า ที่ผ่านการตกผลึกย่อยสลายทิ้งไว้จนก๊าซในมูลได้สลายตัวแล้ว หรือปุ๋ยหมักที่ผ่านการหมักจนเย็นตัว จะช่วยลดระยะเวลาการหมักบ่มดิน

ซึ่งระยะเวลาการพักหรือหมักบ่มดิน ที่มีส่วนผสมของอินทรีย์วัตถุที่ย่อยสลายตัวดีแล้ว จะใช้ระยะเวลา 7-15 วัน อย่างต่ำ แต่ถ้าหากเป็น ปุ๋ยพืชสด หรือใบไม้พุที่ยังย่อยสลายไม่ดี จะใช้ระยะเวลาประมาณ 2-6 เดือน ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศ และปริมาณจุลิทรีย์ที่มีอยู่ในดิน

และที่สำคัญ ในการหมักบ่มดินนั้น ควรจะต้องรักษาอุณหภูมิ และความชื้นให้เหมาะสม ในช่วงระยะแรกที่เป็นการหมักบ่มแบบปิด ควรให้ดินมีความชื้นสูง แต่ต้องไม่เปียกแฉะหรือประมาณ 60% เพื่อกระตุ้นการขยายตัวของจุลินทรีย์ ซึ่งในช่วงนี้อุณหภูมิในดินจะสูงสุด เมื่อผ่านช่วงแรกที่กระตุ้นการขยายเชื้อแล้ว ให้หมักบ่ม แบบเปิด เพื่อมีอากาศหมุนเวียนในดิน และหมั่นคลุกกลับพลิกดิน เพื่อให้ออกซิเจนหมุนเวียนในดิน




ในการหมักสามารถทำได้ในหลากหลายพื้นที่ตามความสะดวก และเหมาะสม เช่น หากเป็นการปลูกลงดิน ให้หมักบนที่ที่จะใช้ปลูกได้เลย หมักใส่กระถางที่เราต้องการจะปลูก หมักใส่ภาชนะที่ปิด ข้อดีของการหมักในภาชนะที่ปิด ก็คือ ป้องกันโรค และแมลงได้ดี หรือจะหมักใส่กระสอบทิ้งไว้แล้วเก็บไว้ใช้นานๆ การหมักบ่มนาน ไม่ได้ส่งผลเสียใดๆ

วิธีเช็คเบื้องต้นว่า ดินพร้อมใช้งานแล้วหรือยัง??

ให้นำมือล้วงลงในดิน และดูว่าดินยังมีความร้อน หรืออุ่นอยู่หรือไม่ หากดินเย็นตัวลงแล้วก็พร้อมที่จะใช้งานได้

แล้วถ้าเราไม่หมักดิน ผสมเสร็จแล้วใช้เลย จะเกิดอะไรขึ้น??

สิ่งที่เห็นได้ภายนอกชัดเจนก็คือ ต้นอาจจะเหลือง หรือเหี่ยว ถ้าเป็นที่ระบบรากอาจจะไม่แสดงอาการชัด แต่จะทำให้ต้นหยุดชะงักการเจริญเติบโต เพราะดินมีความร้อน และรากไหม้ จากกิจกรรมการย่อยของจุลินทรีย์ที่ยังสมบูรณ์ ได้แย่งก๊าซในดินไปใช้ด้วย ซึ่งหากเราหมักบ่มดินได้ดี ต้นที่ปลูกใหม่นั้นจะงาม และเติบโตเร็ว จากธาตุอาหารที่จุลินทรีย์ได้ทำการย่อยให้เรียบร้อยแล้ว

ประโยชน์จากการหมักบ่มดิน ทำให้จุลินทรีย์ในดินหรืออินทรีย์วัตถุ ที่เราผสมเพิ่มทำงานสมบูรณ์ ดินก็จะร่วนซุยมีช่องว่าง ทำให้มีอากาศหมุนเวียนในดินได้ดี รากก็จะเดินดี จุลินทรีย์จะปลดปล่อยธาตุอาหารที่ได้จากการย่อยสลาย ซึ่งพืช หรือต้นไม้ดึงไปใช้ได้เลย ต้นก็จะฟื้นตัวเร็ว ไม่ชะงักการเจริญเติบโต

📌 รวมพิกัด ไอเท็มทำสวนไว้ให้เลือกช้อป !!

Advertisement  / โฆษณา

คุณสมบัติ ดินดี มีคุณภาพ ที่เหมาะสมกับการเพาะปลูก ประกอบไปด้วยอะไรบ้าง


การเตรียมดิน ดินปลูกพืช ดินปลูกต้นไม้ เป็นปัจจัยหลักในการทำให้ได้ต้นไม้ที่แข็งแรง ได้ผลผลิตดี และต่อเนื่อง ซึ่งหลังจากการปลูกแล้ว สิ่งที่จะต้องดูแลแลทำต่อเนื่องคือ การรักษาสมดุลในดิน ให้เหมาะสมกับการเจริญเติบโตของพืช หรือต้นไม้

เพราะถ้าหากขาดการดูแลเอาใจใส่อย่างต่อเนื่องแล้วนั้น สิ่งที่จะตามมาก็คือ สภาวะเสียสมดุลในดิน จนทำให้ค่า กรด-ด่างในดินไม่เหมาะกับพืช หรือต้นไม้ จนสุดท้ายอาจทำให้เกิดภาวะดินตาย หรือดินเสื่อมคุณภาพ ซึ่งจะส่งผลเสียโดยตรงกับพืช หรือต้นไม้ ทำให้เกิดการขาดธาตุอาหาร ขาดออกซิเจนในดินที่ส่งผลกับราก และทำให้ต้นอ่อนแอลง เกิดโรคได้ง่าย จนทำให้ต้นไม่สามารถเจริญเติบโต ผลิดอก ออกผล ได้ตามเกณฑ์ปกติ หรือยืนต้นตายในที่สุด









ในการเพาะปลูกพืช หรือต้นไม้ ในพื้นที่เดิม กระถางเดิม เป็นระยะเวลานาน ดินจะเสื่อมคุณภาพลง จากการที่ต้นดึงแร่ธาตุ และสารอาหารไปใช้อย่างต่อเนื่อง และอีกหนึ่งปัจจัยที่ส่งผลในระยะยาวของสภาวะดินเสื่อมก็คือ การใช้สารเคมีกับพืช และต้นไม้ อย่างต่อเนื่อง ซึ่งสารเคมีที่อยู่ในดินนั้น อยู่นานกว่าธรรมชาติจะปรับสภาพดิน หรือชะล้างออกไปได้ ซึ่งอาจจะใช้เวลาหลายปี และเมื่อถูกชะล้างแล้วยังส่งผลกระทบไปถึงระบบน้ำธรรมชาติในละแวกใกล้เคียงอีกด้วย

ดังนั้นการดูแล และบำรุงดิน โดยใช้วัสดุที่เป็นธรรมชาตินั้นส่งผลดีกับดินทุกๆ ด้าน ในระยะยาวของระบบนิเวศ และต้วของผู้ปลูกเองด้วย

ซึ่งองค์ประกอบของดินที่เหมาะสมกับการเพาะปลูกพืช หรือต้นไม้
ประกอบไปด้วย 4 ส่วน คือ อนินทรีย์วัตถุ 45% น้ำ 25% อากาศ 25% อินทรีย์วัตถุ 5%

อนินทรีย์วัตถุ
อนินทรียวัตถุ หรือแร่ธาตุ เป็นส่วนที่สำคัญในการควบคุมลักษณะของเนื้อดิน เป็นแหล่งกำเนิดของธาตุอาหารพืช และเป็นแหล่งอาหารของจุลินทรีย์ดิน ซึ่งเป็นส่วนประกอบที่มีปริมาณมากที่สุดในดินทั่วไป ได้มาจากการผุพังสลายตัวของหินและแร่ อนินทรียวัตถุ อยู่ในดินในลักษณะของชิ้นส่วนที่เรียกว่า อนุภาคดิน ซึ่งมีหลายรูปทรงและมีขนาดแตกต่างกันไป

อินทรียวัตถุ
อินทรียวัตถุ ในที่นี้มีความหมายครอบคลุมตั้งแต่ ส่วนของซากพืชซากสัตว์ที่กำลังสลายตัว จุลินทรีย์ ทั้งที่มีชีวิตอยู่ และในส่วนที่ตายแล้ว ตลอดจนสารอินทรีย์ที่ได้จากการย่อยสลาย หรือถูกสังเคราะห์ขึ้นมาใหม่ แต่ไม่ได้รวมถึงรากพืช หรือเศษซากพืช หรือซากสัตว์ที่ยังไม่มีการย่อยสลาย

อินทรียวัตถุในดินนี้ เป็นแหล่งสำคัญของธาตุอาหารพืช เป็นแหล่งอาหาร และพลังงานของจุลินทรีย์ดิน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ไนโตรเจน ฟอสฟอรัส และกำมะถัน อีกทั้งยังเป็นส่วนที่มีอิทธิพลอย่างมากต่อกายภาพของดิน เช่น โครงสร้างดิน ความร่วนซุย การระบายน้ำ การถ่ายเทอากาศ การดูดซับน้ำ และธาตุอาหารของดิน ซึ่งส่งผลกระทบต่อเนื่องไปถึงระดับความอุดมสมบูรณ์ของดินที่จะส่งต่อไปถึงพืช และต้นไม้

น้ำ
ส่วนของน้ำที่พบอยู่ในช่องว่างระหว่างอนุภาคดิน หรือเม็ดดิน มีความสำคัญมากต่อการปลูก และการเจริญเติบโตของพืช เนื่องจากเป็นตัวช่วยในการละลายธาตุอาหารต่างๆ ในดิน และเป็นส่วนสำคัญในการเคลื่อนย้ายอาหารพืชจากรากไปสู่ส่วนต่างๆ ของพืช

อากาศ
ส่วนของก๊าซต่างๆ ที่แทรกอยู่ในช่องว่างระหว่างเม็ดดิน ในส่วนที่ไม่มีน้ำอยู่ ก๊าซที่พบโดยทั่วไปในดิน คือ ก๊าซไนโตรเจน (N2) ออกซิเจน (O2) และคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ซึ่งรากพืช และจุลินทรีย์ดินใช้ในการหายใจ และสร้างพลังงานในการดำรงชีวิต

ขอบคุณข้อมูลอ้างอิง : สำนักสำรวจดินและวางแผนการใช้ที่ดิน   กรมพัฒนาที่ดิน   กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ 

ขอบคุณคลิป : กรมพัฒนาที่ดิน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์

📌 รวมพิกัด ไอเท็มทำสวนไว้ให้เลือกช้อป !!

Advertisement  / โฆษณา

ระวัง!! กระบองเพชร ไม้อวบน้ำ ผิวไหม้แดด จนเกิดแผล ในช่วงฤดูหนาวที่แสงแดดแรง

ฤดูหนาวที่มีแดด แสนจะรุนแรง มากพอที่จะทำให้ผิวของต้น กระบองเพชร ไหม้แดดได้ บางสายพันธุ์ไม่พบปัญหา อาทิ สกุลแมมมิลลาเรีย ด้วยขนหนามที่เป็นลักษณะแผ่ออก และบางสายพันธุ์ในช่วงฤดูหนาวก็จะสร้างปุยขนฟูขึ้นมา จึงช่วยบดบังให้แสงแดดไม่สามารถเข้าสู่ลำต้นได้โดยตรง

แต่ในบางสายพันธุ์ อาทิเช่น แอสโตร โลโฟ ที่มีลักษณะเป็นผิวโดยตรง ที่จะกระทบกับแสงแดดทำให้มีโอกาส ที่จะผิวไหม้แดดสูง และแผลที่เกิดจากการไหม้แดดนั้นจะกลายเป็นแผลเป็นติด ไม่สามารถรักษาได้ ต้องรอให้แผลไล่ลงโคนต้นอย่างเดียว

ถ้าเป็นสกุลยิมโน อาจจะเกิดการผิวแห้ง กระด้าง หรือถ้าเป็นไม้ด่าง ก็ยิ่งจะมีความไวต่อแสงแดดสูง อาจจะทำให้สีเปลี่ยนสีเพี้ยนไปบ้าง ต้องใช้ระยะเวลานานในการฟื้นฟู ให้ต้นกลับมาสมบูรณ์ดังเดิม









การดูแล กระบองเพชร ไม้อวบน้ำ ในฤดูหนาว สิ่งที่เราอาจจะต้องให้ความสำคัญเพิ่มขึ้น คือ

☀️ การปรับแสง ให้เหมาะสมกับต้นไม้ของเรา อาจจะเพิ่มชั้นของสแลน เพื่อลดความเข้มข้นของแสง✔️ ดูทิศทางของแสงที่ปรับเปลี่ยนไปตามฤดูกาล หาตำแหน่งวางให้เหมาะสม กับแต่ละสายพันธุ์ที่ต้องการแดด

💧 ปรับการให้น้ำให้เหมาะสมกับฤดู ใช้การโชยน้ำ เพื่อช่วยลดอุณหภูมิในดิน และผิวต้น ซึ่งไม่ควรทำในขณะที่แดดแรงจัด แนะนำให้ทำในช่วงเย็น
 
🌡️ ไม่ควรยกไม้ไปตากแดดแรง หลังรดน้ำทันที ในกรณีที่ปลูกในที่แสงน้อย ต้นอ่อนที่เพิ่งเจริญเติบโตจากการเพาะ ต้นที่เพิ่งทำการเปลี่ยนกระถาง หรือปรับสภาพการเลี้ยง หากยกไปตากแดดที่แรง และอุณหภูมิจะเปลี่ยนฉับพลัน จะทำให้ต้นปรับสภาพไม่ทัน จนตายได้

ที่สำคัญต้องค่อยหมั่นสังเกต หากไม้เกิดการไหม้แดดแล้ว ควรจะต้องนำมาพักและทำการรักษาโดยทันที
วิธีการดูแลรักษา >> กระบองเพชร ต้นย่น ซีดเหลือง มีแผลบริเวณผิว เกิดจากอาการไหม้แดด ขาดน้ำ จะต้องรักษา ดูแล ยังไง?

📌 รวมพิกัด ไอเท็มทำสวนไว้ให้เลือกช้อป !!

Advertisement  / โฆษณา